“ทำธุรกิจส่วนตัวเล็กๆ หรือ รับงานฟรีแลนซ์ ควรจดบัญชีรับจ่ายอย่างไร? ให้ทำงานง่ายและใช้ยื่นภาษีได้ด้วย”
ถ้าคุณเป็นฟรีแลนซ์ที่มีรายได้ที่ต้องถูกหัก ภาษี ณ ที่จ่าย หรือ เป็นเจ้าของธุรกิจเล็ก ๆ ที่มีรายได้และกำไร ซึ่งนอกจากจะต้องทุ่มเทให้กับการทำงานสร้างรายได้ให้ยั่งยืนแล้ว การทำบัญชีและวางแผนภาษีก็เป็นหน้าที่ที่สำคัญ เพราะหากบริหารจัดการผิดพลาด จะส่งผลต่อความอยู่รอดของชีวิตฟรีแลนซ์หรือธุรกิจของคุณได้
จริง ๆ แล้ว มีประกาศจากอธิบดีกรมสรรพากร ฉบับที่ 161 ลงวันที่ 21 ธ.ค. 2549 ที่ประกาศให้ผู้มีหน้าที่เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาและยังไม่ได้เป็นผู้ประกอบการที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม มีหน้าที่ต้องจัดทำบัญชีรายงานแสดงรายได้และค่าใช้จ่ายประจำวัน เพราะการทำบัญชีและภาษีให้ถูกต้องจะช่วยในการประหยัดค่าใช้จ่ายได้ โดยเฉพาะถ้ารายได้ของชาวฟรีแลนซ์นั้น เข้าข่ายเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 (3), (5), (6), (7), (8) คือ เงินได้จากค่าลิขสิทธิ์ ค่าเช่า วิชาชีพเฉพาะ งานรับเหมา และการทำธุรกิจต่าง ๆ ซึ่งสามารถเลือกวิธีการหักค่าใช้จ่ายระหว่างการหักแบบเหมากับการหักค่าใช้จ่ายตามจริงได้ ดังนั้น ถ้าคุณทำบัญชีได้เรียบร้อยดีและเป็นระบบ พร้อมเก็บหลักฐานครบถ้วน ก็จะเลือกใช้วิธีการหักตามจริงได้ ในกรณีค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริงนั้นสูงกว่าอัตราการหักแบบเหมา ทำให้เงินได้สุทธิที่นำไปคิดอัตราภาษีลดลง คุณก็จะเสียภาษีน้อยลงนั่นเอง
ฟรีแลนซ์มือใหม่ที่อยากวางแผนภาษีให้ตัวเอง ลองทำตาม “4 ขั้นตอน ทำบัญชีสำหรับฟรีแลนซ์” ได้เลย
ระหว่างบัญชีที่ใช้ประกอบอาชีพกับบัญชีใช้จ่ายส่วนตัว เพื่อให้สามารถตรวจสอบแหล่งที่มาของรายได้และเส้นทางของการใช้จ่ายได้ง่ายขึ้น รวมทั้งสะดวกในการจัดทำบัญชีรับจ่ายและการตรวจสอบข้อมูลเพื่อยื่นสรรพากร
สำหรับฟรีแลนซ์หรือผู้ประกอบธุรกิจเล็ก ๆ มีแนวทางดังนี้
นอกจากนี้ หากในรอบปีภาษี คุณมีรายได้ตั้งแต่ 1.8 ล้านบาทขึ้นไป จะต้องจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มด้วย ซึ่งก็จะมีข้อกำหนด กฎหมายที่เกี่ยวข้องเรื่องภาษีมูลค่าเพิ่ม การออกใบกำกับภาษี และการนำส่งภาษีมูลค่าเพิ่มทั้งในส่วนภาษีซื้อและภาษีขายภายในระยะเวลาที่กำหนด ที่เจ้าของกิจการต้องปฏิบัติตามกฎหมายเพิ่มเติม ในกรณีภาษีซื้อที่เกิดจากรายจ่าย หากผู้ประกอบการยังไม่ได้จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม จะสามารถนำมาลงเป็นต้นทุนของสินค้าหรือค่าใช้จ่ายได้ทั้งจำนวน ในกรณีที่มีการทำรายการเป็นเงินเชื่อ ให้บันทึกรายการในวันที่ได้รับชำระหรือวันที่จ่ายชำระสินค้าหรือบริการนั้น โดยอธิบายในช่องหมายเหตุของรายการนั้นและสรุปรายการต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในแต่ละเดือน
ถ้าคุณใช้เวลาทำความเข้าใจแนวทางการทำบัญชี และนำมาปรับใช้กับอาชีพฟรีแลนซ์หรือเจ้าของกิจการที่ยังไม่มีความซับซ้อนมาก คุณก็สามารถทำบัญชีง่าย ๆ ได้ด้วยตนเอง ซึ่งจะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายจากการจ้างนักบัญชี แถมรู้สถานะที่แท้จริงของการทำงานได้ทันเวลา สามารถตัดสินใจ วางแผน แก้ไขปัญหาได้ล่วงหน้า ที่สำคัญ คุณจะสามารถป้องกันความเสี่ยงในการเสียค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับค่าปรับในการทำผิดกฎหมายภาษีได้อีกด้วย
บทความที่เกี่ยวข้อง