อัปเดตสิทธิลดหย่อนภาษี 2568

โดย สุขวรรณ ฤกษ์สมบูรณ์ดี ผู้เชี่ยวชาญด้านภาษี
TSI-Article-FL-135-thumbnail- update-thailand-tax-deduction-2568
Highlight
  • หน้าที่ของผู้มีเงินได้คือการเสียภาษีเงินได้ประจำปี แต่เพื่อไม่ให้เสียภาษีมากเกินจำเป็น การวางแผนภาษี จึงเป็นสิ่งสำคัญ และต้องอัปเดตทุกปีตามมาตรการลดหย่อนใหม่ของกรมสรรพากรเพื่อประโยชน์สูงสุด

  • มาตรการลดหย่อนภาษีปี 2568 แบ่งเป็น 3 ส่วนหลัก ได้แก่ ค่าลดหย่อนพื้นฐานสำหรับผู้มีเงินได้และครอบครัว ค่าลดหย่อนด้านการออมและการลงทุนผ่านผลิตภัณฑ์ทางการเงินต่างๆ เช่น ประกันชีวิตและกองทุนรวม และมาตรการพิเศษที่รัฐบาลออกมาเพิ่มเติมเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ อาทิ โครงการ Easy E-Receipt 2.0 รวมถึงการลดหย่อนค่าที่พักและร้านอาหาร ซึ่งแต่ละรายการมีวงเงินและเงื่อนไขเฉพาะที่ผู้เสียภาษีควรศึกษาก่อนใช้สิทธิ

ในทุก ๆ ปี หน้าที่อย่างหนึ่งที่ผู้มีเงินได้จะลืมเสียไม่ได้ ก็คือ หน้าที่ในการเสียภาษีเงินได้ประจำปีนั่นเอง ถึงแม้การเสียภาษีจะเป็นหน้าที่ตามกฎหมายที่ผู้มีเงินได้แต่ละคนไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ แต่การเสียภาษีมากเกินความจำเป็นก็จะทำให้เรามีความมั่งคั่งทางการเงินลดลง ด้วยเหตุนี้ การวางแผนภาษีจึงเข้ามาเป็นตัวช่วยสำคัญให้เราเสียภาษีถูกต้องตามกฎหมาย และถูกสตางค์ไปพร้อม ๆ กัน

ทำไมต้องอัปเดตการวางแผนภาษีทุกปี

การวางแผนภาษีนี้ ต้องมีการอัปเดตอยู่เสมอ นั่นเพราะ กรมสรรพากรมีการปรับเปลี่ยนมาตรการลดหย่อนทางภาษีใหม่ ๆ อยู่เสมอ ดังนั้น เพื่อให้การวางแผนภาษีของเป็นปัจจุบัน และเป็นประโยชน์ในการประหยัดภาษีสูงสุด เราจึงจำเป็นต้องนำแผนภาษีที่เราเคยวางไว้ในปีก่อน ๆ มาปัดฝุ่นและปรับปรุงให้เป็นไปตามมาตรการใหม่ของกรมสรรพากรในทุก ๆ ปีนั่นเอง

มาตรการลดหย่อนภาษีปี 2568

สำหรับปี 2568 กรมสรรพากรได้มีการออกมาตรการลดหย่อนภาษีเพิ่มเติมหลายรายการด้วยกัน ในบทความนี้ จึงขอสรุปรายการลดหย่อนภาษี พร้อมกับไฮไลท์รายการลดหย่อนภาษีใหม่ ๆ ที่ออกมาในปี 2568 เพื่อทุกท่านจะได้นำไปใช้ประกอบการวางแผนภาษีต่อไป

1.ค่าลดหย่อนพื้นฐาน

TSI-Article-FL-135-01-personal-exemption-tax-deduction
  • ผู้มีเงินได้ : 60,000 บาท (หรือ 120,000 กรณีผู้มีเงินได้เป็นห้างหุ้นส่วนสามัญที่มิใช่นิติบุคคลหรือคณะบุคคลที่มิใช่นิติบุคคล)
  • คู่สมรส : 60,000 บาท กรณีคู่สมรสไม่มีเงินได้
  • บุตร : คนละ 30,000 บาท หรือคนละ 60,000 บาท สำหรับบุตรตั้งแต่คนที่ 2 เป็นต้นไปที่เกิดในหรือหลังปี พ.ศ. 2561
  • ค่าฝากครรภ์และค่าคลอดบุตร : ตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 60,000 บาท ต่อครรภ์
  • อุปการะเลี้ยงดูบิดามารดา : คนละ 30,000 บาท สำหรับการอุปการะบิดามารดาของตนเอง หรือของคู่สมรสที่ไม่มีเงินได้
  • อุปการะเลี้ยงดูคนพิการหรือคนทุพพลภาพ : คนละ 60,000 บาท (ตามแบบ ล.ย.04)
  • เบี้ยประกันสุขภาพบิดามารดา : ตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 15,000 บาท (บิดามารดาของตนเองหรือของคู่สมรส)
  • เบี้ยประกันสุขภาพของตนเอง : ตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 25,000 บาท (และเมื่อรวมกับเบี้ยประกันชีวิต ต้องไม่เกิน 100,000 บาท)
  • เบี้ยประกันชีวิต : ตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 100,000 บาท
  • ดอกเบี้ยเงินกู้ยืมเพื่อซื้อ เช่าซื้อ หรือสร้างอาคารอยู่อาศัย : ตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 100,000 บาท

2. ค่าลดหย่อนเพื่อการออมและการลงทุน

TSI-Article-FL-135-02-savings-investment-tax-deduction
  • เบี้ยประกันชีวิตแบบบำนาญ : ตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 15% ของเงินได้พึงประเมินที่ต้องเสียภาษีและไม่เกิน 200,000 บาท
  • เงินสะสมกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (PVD) : ตามที่สะสมจริง ไม่เกิน 15% ของค่าจ้าง แต่ไม่เกิน 500,000 บาท (ส่วน 10,000 บาทแรก เป็นค่าลดหย่อน ส่วนที่เกิน 10,000 บาท เป็นเงินได้ที่ได้รับยกเว้น)
  • เงินสะสมกองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) : ตามที่สะสมจริง แต่ไม่เกิน 30,000 บาท
  • เงินสะสมกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) : ตามที่สะสมจริง แต่ไม่เกิน 500,000 บาท
  • เงินสะสมกองทุนสงเคราะห์ครูเอกชน : ตามที่สะสมจริง แต่ไม่เกิน 500,000 บาท
  • ค่าซื้อหน่วยลงทุนในกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) : ตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 30% ของเงินได้พึงประเมินที่ต้องเสียภาษี และไม่เกิน 500,000 บาท ผู้ใช้สิทธิต้องซื้อต่อเนื่องทุกปี เว้นได้ไม่เกิน 1 ปี และต้องถือไว้ไม่น้อยกว่า 5 ปี นับตั้งแต่วันที่ซื้อครั้งแรก และขายได้เมื่ออายุ 55 ปี

(รวมกันแล้วต้องไม่เกิน 500,000 บาท)   

  • ค่าซื้อหน่วยลงทุนในกองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน (Thai ESG) : ตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 30% ของเงินได้พึงประเมินที่ต้องเสียภาษี และไม่เกิน 300,000 บาท ผู้ใช้สิทธิไม่ต้องซื้อต่อเนื่องทุกปี แต่ต้องถือไว้ไม่น้อยกว่า 5 ปี นับจากวันที่ซื้อ หากต้องการทำความเข้าใจแบบเจาะลึกสามารถเรียนรู้ผ่าน e-Learning หลักสูตร “เจาะลึกกองทุนลดหย่อนภาษี Thai ESG”  ได้ฟรี!!!
  • ค่าซื้อหน่วยลงทุนในกองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืนแบบพิเศษ (Thai ESGX) :
    • ส่วนที่ลงทุนใหม่ ตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 30% ของเงินได้พึงประเมินที่ต้องเสียภาษี และไม่เกิน 300,000 บาท ผู้ใช้สิทธิไม่ต้องซื้อต่อเนื่องทุกปี แต่ต้องถือไว้ไม่น้อยกว่า 5 ปี นับจากวันที่ซื้อ
    • ส่วนที่สับเปลี่ยนจาก LTF (ที่มีอยู่ ณ วันที่ 11 มีนาคม 2568 (ถือราคา ณ วันที่แจ้งความประสงค์สับเปลี่ยน) ลดหย่อนได้สูงสุด 300,000 บาท ในปี 2568 (ส่วนที่เหลือทยอยลดหย่อนปีละไม่เกิน 50,000 บาท เป็นจำนวนเท่า ๆ กัน เป็นเวลา 4 ปี)
  • เงินสมทบกองทุนประกันสังคม : ตามที่จ่ายจริง ไม่เกินจำนวนตามกฎหมายว่าด้วยการประกันสังคม
  • เงินลงทุนในหุ้น หรือการเป็นหุ้นส่วนเพื่อจัดตั้ง หรือเพิ่มทุนบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ได้รับจดทะเบียนวิสาหกิจเพื่อสังคมและได้จดแจ้งการเป็นวิสาหกิจเพื่อสังคม (Social Enterprise) : ตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 100,000 บาท

3. ค่าลดหย่อนเพื่อบริจาค

TSI-Article-FL-135-03-charitable-donation-tax-deduction
  • เงินบริจาคแก่พรรคการเมือง : ตามที่จ่ายจริง แต่รวมกันไม่เกิน 10,000 บาท
  • เงินบริจาค 2 เท่า เช่น บริจาคให้แก่สถานศึกษา บริจาคให้โรงพยาบาลรัฐ : 2 เท่า ของเงินบริจาค แต่ไม่เกิน 10% ของเงินได้หลังหักค่าใช้จ่ายและค่าลดหย่อนแล้ว
  • เงินบริจาคทั่วไป เช่น บริจาคให้วัดวาอาราม บริจาคให้องค์การสาธารณกุศล : ตามที่บริจาคจริง แต่ไม่เกิน 10% ของเงินได้หลังหักค่าใช้จ่ายและค่าลดหย่อนแล้ว

4. ค่าลดหย่อนพิเศษ

TSI-Article-FL-135-04-special-category-tax-deductions
  • ค่าซื้อและค่าติดตั้งระบบกล้องโทรทัศน์วงจรปิด : ตามที่จ่ายจริง เฉพาะผู้ที่มีเงินได้ตามมาตรา 40 (5) (6) (7) และ (8) ในเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจ (จังหวัดนราธิวาส จังหวัดปัตตานี จังหวัดยะลา จังหวัดสงขลาเฉพาะในท้องที่อำเภอจะนะ อำเภอนาทวี อำเภอสะบ้าย้อย และอำเภอเทพา และจังหวัดสตูล) ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2567 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2569 ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ พระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 785) พ.ศ. 2567 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 450) ลงวันที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2567
  • ค่าจ้างก่อสร้างอาคารเพื่ออยู่อาศัยขึ้นใหม่ : จำนวน 10,000 บาท ต่อทุกจำนวน 1,000,000 บาท ที่จ่ายเป็นค่าจ้างก่อสร้างอาคารเพื่ออยู่อาศัยขึ้นใหม่ให้แก่ผู้รับจ้างซึ่งเป็นผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม แต่รวมแล้วไม่เกิน 100,000 บาท และไม่เกินหนึ่งหลัง เฉพาะค่าจ้างตามสัญญาจ้างที่ได้กระทำขึ้น และเริ่มดำเนินการก่อสร้างตั้งแต่วันที่ 9 เมษายน 2567 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2568 และได้เสียอากรแสตมป์โดยวิธีการชำระอากรเป็นตัวเงินผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
  • ค่าซื้อสินค้าหรือค่าบริการ Easy E-Receipt 2.0 ตั้งแต่วันที่ 16 ม.ค 2568 - 28 ก.พ. 2568 ซึ่งผู้ขายหรือผู้ให้บริการได้ออกใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ (e-Tax Invoice) หรือใบรับอิเล็กทรอนิกส์ (e-Receipt) แบ่งเป็น
    • ส่วนที่หนึ่ง ให้ลดหย่อนตามจริง แต่ไม่เกิน 30,000 บาท สำหรับการซื้อสินค้าหรือรับบริการทั่วไป
    • ส่วนที่สอง ให้ลดหย่อนได้เพิ่มอีกตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 20,000 บาท สำหรับค่าซื้อสินค้าหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ (OTOP) หรือค่าซื้อสินค้าหรือค่าบริการที่จ่ายให้แก่วิสาหกิจชุมชน หรือวิสาหกิจเพื่อสังคม

อย่างไรก็ดี สินค้าและบริการจำพวกค่าซื้อสุรา เบียร์ และไวน์ ค่าซื้อยาสูบ ค่าซื้อน้ำมัน ค่าซื้อก๊าซ และค่าบริการอัดประจุไฟฟ้าสำหรับเติมยานพาหนะ ค่าซื้อรถยนต์ และรถจักรยานยนต์ ตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ (รถจักรยานยนต์รวมถึงรถจักรยานที่ติดเครื่องยนต์) และค่าซื้อเรือ ค่าสาธารณูปโภค ค่าน้ำประปา ค่าไฟฟ้า ค่าบริการสัญญาณโทรศัพท์และค่าบริการสัญญาณอินเทอร์เน็ต ค่าบริการที่มีข้อตกลงการให้บริการและผู้รับบริการสามารถใช้บริการดังกล่าวนอกเหนือจากระยะเวลาของมาตรการ ค่าเบี้ยประกันวินาศภัย ค่าบริการจัดนำเที่ยวที่จ่ายให้แก่ผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยว และค่าที่พักโรงแรม ค่าที่พักโฮมสเตย์ไทย หรือค่าที่พักในสถานที่พักที่ไม่เป็นโรงแรม ไม่สามารถใช้สิทธิได้

  • ค่าที่พักและค่าบริการของร้านอาหารภายในประเทศ (เฉพาะที่พักและร้านอาหารที่เป็นผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม) ที่จ่ายตั้งแต่ 29 ตุลาคม 2568 – 15 ธันวาคม 2568 : ตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 20,000 บาท โดยมีรายละเอียดดังนี้
    • 10,000 บาทแรก สำหรับใบกำกับภาษีแบบกระดาษหรือแบบอิเล็กทรอนิกส์ (กระดาษ / e-Tax Invoice)
    • และอีก 10,000 บาท สำหรับใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์เท่านั้น (e-Tax Invoice)

 

ทั้งนี้ สามารถใช้สิทธิลดหย่อนได้ 1.5 เท่า สำหรับค่าที่พักหรือค่าบริการของร้านอาหารในจังหวัดท่องเที่ยวรอง 55 จังหวัดและบางอำเภอในจังหวัดอีก 15 จังหวัด เช่น จ่ายค่าที่พักหรือค่าบริการของร้านอาหารในจังหวัดท่องเที่ยวรอง 10,000 บาท จะหักลดหย่อนได้ 15,000 บาท แต่ถ้าจ่ายค่าที่พักหรือค่าบริการของร้านอาหารในจังหวัดอื่นนอกจากจังหวัดท่องเที่ยวรอง 10,000 บาท จะหักลดหย่อนได้ 10,000 บาท ดูข้อมูลมาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยวเที่ยวดีมีคืนปี 2568 เพิ่มเติมได้ที่นี่


เนื้อหานี้มีประโยชน์กับคุณแค่ไหน?


ข้อควรระวังเกี่ยวกับการใช้สิทธิลดหย่อนภาษี

  • การใช้สิทธิลดหย่อนภาษีที่ต้องมีใบกำกับภาษีเป็นหลักฐาน ไม่ว่าจะเป็นในรูปแบบกระดาษ หรือรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ เราต้องตรวจสอบให้ดีว่า
    1.  ผู้ประกอบการที่ออกใบกำกับภาษีให้เรานั้น เป็นผู้ประกอบการจดทะเบียนจริงหรือไม่ สามารถตรวจสอบได้ผ่าน ข้อมูลจากกรมสรรพากร
    2. ชื่อ-สกุล และเลขประจำตัวผู้เสียภาษีของเราว่าถูกต้องหรือไม่
    3. วันที่ในใบกำกับภาษีหรือใบรับ จะต้องอยู่ภายในระยะเวลาที่สรรพากรกำหนด

ทั้งนี้ สำหรับกรณีใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ (e-Tax Invoice) เราต้องตรวจสอบให้แน่ชัดว่า ใบกำกับภาษีนั้นเป็นใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ (e-Tax Invoice) จริงหรือไม่ (การที่ใบกำกับอยู่ในรูปแบบไฟล์ หรือส่งมาทางอีเมล ไม่ได้หมายความว่าใบกำกับนั้นเป็น e-Tax Invoice เสมอไป) โดยเราสามารถตรวจสอบรายชื่อผู้มีสิทธิออกใบกำกับภาษีหรือใบรับในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ได้ที่ข้อมูลจากกรมสรรพากร และสังเกตว่า มีถ้อยคำในหมายเหตุใต้ใบกำกับภาษีว่า “เอกสารฉบับดังกล่าวได้จัดทำและส่งข้อมูลให้แก่กรมสรรพากรด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ หรือไม่”

  • การแจ้งความประสงค์ใช้สิทธิลดหย่อนภาษี
ท่านใดที่ประสงค์ใช้สิทธิลดหย่อนจำพวกดอกเบี้ยเงินกู้ยืมเพื่อซื้อที่อยู่อาศัย เบี้ยประกันสุขภาพ เบี้ยประกันชีวิต เบี้ยประกันสุขภาพบิดามารดา เบี้ยประกันชีวิตแบบบำนาญ ค่าซื้อหน่วยลงทุนในกองทุนรวมลดหย่อนภาษีต่าง ๆ ก็อย่าลืมแจ้งธนาคาร บริษัทประกัน หรือบริษัทหลักทรัพย์ แล้วแต่กรณี ให้ส่งข้อมูลของเราให้แก่กรมสรรพากรภายในสิ้นปี 2568 ด้วย มิเช่นนั้น พวกเราจะเสียสิทธิไม่สามารถนำรายการต่าง ๆ นั้น มาเป็นค่าลดหย่อนได้

สุดท้ายนี้ หากพวกเรามีข้อสงสัยเกี่ยวกับการใช้สิทธิลดหย่อนต่าง ๆ กรมสรรพากรก็มีช่องทางให้พวกเราสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ RD Intelligence Center 1161 หรือสืบค้นข้อมูลได้ที่ www.rd.go.th หรือจะเข้าไปปรึกษาปัญหาเบื้องต้นกับเจ้าหน้าที่สรรพากรในท้องที่ใกล้บ้านก็ได้เช่นเดียวกัน เพียงเท่านี้ การวางแผนภาษีก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป หวังว่าทุกท่านจะได้นำสาระจากบทความนี้ไปใช้ต่อยอดในการวางแผนภาษีปี 2569 กันนะคะ

สำหรับใครที่สนใจเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับแนวทางการบริหารจัดการภาษีสำหรับมนุษย์เงินเดือน ตั้งแต่ประเภทเงินได้ที่ได้รับ การหักค่าใช้จ่ายของเงินได้แต่ละประเภท และค่าลดหย่อนที่กฎหมายให้สิทธิ รวมไปถึงสิทธิประโยชน์ทางภาษีสำหรับมนุษย์เงินเดือน สามารถเรียนรู้เพิ่มเติมผ่าน e-Learning หลักสูตร “วางแผนภาษี สไตล์ชาวออฟฟิศ” ฟรี


บทความที่เกี่ยวข้อง