ETF

ข้อมูลลักษณะผลิตภัณฑ์ ETF

ETF ย่อมาจาก Exchange Traded Fund เป็นกองทุนรวมดัชนีที่จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์มีนโยบายสร้างผลตอบแทนให้ใกล้เคียงกับการเคลื่อนไหวของดัชนีหรือราคาของสินทรัพย์ที่กองทุนใช้อ้างอิง ผู้ลงทุนสามารถซื้อขาย ETF ได้เหมือนหุ้นตัวหนึ่ง
ETF นวัตกรรมทางการเงิน
ที่ผสมผสานคุณลักษณะของกองทุนรวมและหุ้นเข้าด้วยกัน

ทำไมต้องเลือก ETF


ผู้ลงทุนสามารถใช้ ETF เป็นเครื่องมือกระจายความเสี่ยง ทำให้ลงทุนในสินทรัพย์ที่หลากหลายโดยใช้เงินน้อยและไม่ต้องวิเคราะห์หุ้นรายตัว มีโอกาสรับผลตอบแทนตามดัชนีอ้างอิงเป็นจำนวนเท่า (กรณี Leveraged ETF) หรือตรงกันข้าม (กรณี Inverse ETF) และมีโอกาสรับเงินปันผลด้วย นอกจากนี้ ETF ยังเป็นกองทุนรวมที่ซื้อขายเปลี่ยนมือได้สะดวกเพราะมีผู้ดูแลสภาพคล่องทำหน้าที่ส่งคำสั่งเสนอซื้อเสนอขาย ผู้ลงทุนสามารถทำรายการซื้อขาย ETF ในตลาดหลักทรัพย์ได้เมื่อต้องการโดยเปรียบเทียบราคากับมูลค่าทรัพย์สินสุทธิโดยประมาณ (iNAV = Indicative Net Asset Value) ที่แสดงควบคู่กันระหว่างเวลาซื้อขาย

ETF มีกี่ประเภทอะไรบ้าง

  • Passive ETF มุ่งเน้นสร้างผลตอบแทนให้ใกล้เคียงกับดัชนี หรือราคาสินทรัพย์ที่กองทุนอ้างอิง
  • Active ETF มุ่งเน้นสร้างผลตอบแทนที่เอาชนะตลาด
  • Leveraged & Inverse (L&I) ETF มุ่งเน้นสร้างผลตอบแทนรายวันในลักษณะทวีคูณหรือตรงกันข้ามกับดัชนีอ้างอิง
สำนักงาน ก.ล.ต. อนุญาตให้กองทุนรวมอีทีเอฟ มีนโยบายสร้างผลตอบแทนตามความเคลื่อนไหวของปัจจัยอ้างอิงดังนี้

  • ดัชนีกลุ่มหลักทรัพย์ที่ได้รับการยอมรับจากสำนักงาน
  • ราคากลุ่มหลักทรัพย์หรือกลุ่มตราสารทางการเงินอื่นที่ได้รับความเห็นชอบจากสำนักงาน
  • ราคาหน่วยลงทุนของกองทุนรวมอีทีเอฟต่างประเทศ
  • ราคาทองคำแท่งซึ่งเป็นที่ยอมรับในอุตสาหกรรมผู้ค้าทองคำในประเทศไทย หรือในระดับสากล
ETF มีกี่ประเภทอะไรบ้าง

  • Passive ETF มุ่งเน้นสร้างผลตอบแทนให้ใกล้เคียงกับดัชนี หรือราคาสินทรัพย์ที่กองทุนอ้างอิง
  • Active ETF มุ่งเน้นสร้างผลตอบแทนที่เอาชนะตลาด
  • Leveraged & Inverse (L&I) ETF มุ่งเน้นสร้างผลตอบแทนรายวันในลักษณะทวีคูณหรือตรงกันข้ามกับดัชนีอ้างอิง
สำนักงาน ก.ล.ต. อนุญาตให้กองทุนรวมอีทีเอฟ มีนโยบายสร้างผลตอบแทนตามความเคลื่อนไหวของปัจจัยอ้างอิงดังนี้

  • ดัชนีกลุ่มหลักทรัพย์ที่ได้รับการยอมรับจากสำนักงาน
  • ราคากลุ่มหลักทรัพย์หรือกลุ่มตราสารทางการเงินอื่นที่ได้รับความเห็นชอบจากสำนักงาน
  • ราคาหน่วยลงทุนของกองทุนรวมอีทีเอฟต่างประเทศ
  • ราคาทองคำแท่งซึ่งเป็นที่ยอมรับในอุตสาหกรรมผู้ค้าทองคาในประเทศไทย หรือในระดับสากล

ในปัจจุบันมี ETF ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ดังนี้

etf1

Equity ETF / Index ETF
มุ่งสร้างผลตอบแทนอ้างอิงดัชนีราคาหุ้นในประเทศ

etf2

Sector ETF
มุ่งสร้างผลตอบแทนอ้างอิงดัชนีราคาหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรม

icn_etf3

Foreign ETF
มุ่งสร้างผลตอบแทนอ้างอิงดัชนีราคาหุ้นต่างประเทศ

etf4

Bond ETF
มุ่งสร้างผลตอบแทนอ้างอิงดัชนีราคาตราสารหนี้

etf5

Gold ETF
มุ่งสร้างผลตอบแทนอ้างอิงดัชนีราคาทองคำ

icon-ETF-6

Leveraged & Inverse ETF
สร้างผลตอบแทนรายวันในลักษณะทวีคูณหรือตรงกันข้ามกับดัชนีอ้างอิง

การลงทุนใน ETF ต่างจากลงทุนในหุ้นและกองทุนรวมดัชนีอย่างไร

 ETFหุ้นกองทุนรวมดัชนี
อัตราผลตอบแทน (Investment Purpose)  ตามดัชนีอ้างอิง โดยอาจจะเป็นกองทุนที่มุ่งเน้นชนะตลาด (Active) หรือมีลักษณะทวีคูณหรือตรงกันข้ามกับดัชนีอ้างอิงแบบรายวัน (Leveraged / Inverse) ตามการเปลี่ยนแปลงของหุ้น ตามดัชนีอ้างอิง
การซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ได้ ได้ ได้
ราคาซื้อขาย (Price)ณ ราคาตลาดขณะนั้น
(Real Time Price)
ณ ราคาตลาดขณะนั้น
(Real Time Price)
ราคา ณ สิ้นวันทำการ
(End-of-day Price)
จำนวนขั้นต่ำที่ใช้ซื้อขาย (Board lot)100 หน่วย100 หุ้นไม่ระบุหน่วย
แต่มีจำนวนเงินลงทุนขั้นต่ำ เช่น 5,000 บาท
ช่วงเวลาซื้อขาย (Trading Time)เวลาซื้อขายของ ตลท.เวลาซื้อขายของ ตลท.เวลาที่ บลจ. กำหนด
ค่าธรรมเนียมการซื้อขาย (Transaction Fee)Brokerage FeeBrokerage Feeบลจ. กำหนด
วิธีการซื้อขาย (Trading Method)ผ่านบริษัทหลักทรัพย์ (Broker)ผ่านบริษัทหลักทรัพย์ (Broker)ผ่านบริษัทหลักทรัพย์จัดการลงทุน (บลจ.)
การชำระราคา (Settlement Time)T+2T+2T+4
ผลตอบแทน (Return)ส่วนต่างของราคาซื้อขาย / เงินปันผลส่วนต่างของราคาซื้อขาย / เงินปันผลส่วนต่างของราคาซื้อขาย / เงินปันผล
ภาษีสำหรับบุคคลธรรมดากรณีกำไรจากส่วนต่างของราคาซื้อขาย (Capital Gain Tax)ได้รับยกเว้นได้รับยกเว้นได้รับยกเว้น
ภาษีสำหรับบุคคลธรรมดากรณีเงินปันผล (Dividend Tax)หักภาษี ณ ที่จ่าย 10%หักภาษี ณ ที่จ่าย 10%
(สามารถขอเครดิตภาษีได้)
หักภาษี ณ ที่จ่าย 10%

โดย Leveraged & Inverse ETFs เป็น ETF ที่มีลักษณะเฉพาะดังนี้

  • Leveraged ETF เป็น ETF ที่มีกลยุทธ์การบริหารจัดการที่มุ่งหวังผลตอบแทนทวีคูณจากผลตอบแทนรายวันของดัชนีอ้างอิง เช่น 2 เท่า (2X)
  • Inverse ETF เป็น ETF ที่มีกลยุทธ์การบริหารจัดการที่มุ่งหวังผลตอบแทนตรงกันข้ามกับผลตอบแทนรายวันของดัชนีอ้างอิง (-1X) และสามารถมีกลยุทธ์การบริหารจัดการที่มุ่งหวังผลตอบแทนตรงกันข้ามแบบทวีคูณกับผลตอบแทนรายวันของดัชนีอ้างอิงด้วยเช่นกัน (-2X)
  • เพื่อให้สามารถสร้างผลตอบแทนตามนโยบายที่ระบุไว้ L&I ETFs ส่วนใหญ่จะลงทุนผ่าน Derivatives เช่น Futures เป็นต้น
  • ผู้ลงทุนสามารถใช้ L&I ETFs เป็นเครื่องมือสร้างผลตอบแทนทั้งตลาดขาขึ้นและขาลง โดยไม่ต้องวางหลักประกันเหมือน Derivatives
LTF-LI-img01

ความเสี่ยงของ ETF

  1. ราคาของหลักทรัพย์ที่ ETF ไปลงทุนมีการเปลี่ยนแปลงไปแล้วทำให้มูลค่าทรัพย์สินสุทธิของ ETF เปลี่ยนแปลงไป
  2. ผลตอบแทนของ ETF มีความผันผวนไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้ คือ จะสร้างผลตอบแทนการลงทุนให้ใกล้เคียงกับสินทรัพย์ที่ ETF อ้างอิง ซึ่งค่าความผันผวนของผลตอบแทนกองทุนเมื่อเทียบกับสินทรัพย์อ้างอิง เรียกว่า Tracking error
  3. ราคาของ ETF ที่มีการเปลี่ยนแปลงไปตามความต้องการซื้อขายของผู้ลงทุน
  4. สภาพคล่องของ ETF ที่มาจากความต้องการซื้อขายของผู้ลงทุน
  5. กรณีของการลงทุนใน ETF ที่อ้างอิงสินทรัพย์ในต่างประเทศ ผู้ลงทุนจะมีความเสี่ยงจากการที่อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราระหว่างประเทศมีการเปลี่ยนแปลง

Leveraged & Inverse ETFs มีความเสี่ยงเพิ่มเติมจาก ETF ทั่วไปดังนี้

  1. ผลตอบแทนของ ETF จะไม่เท่ากับผลตอบแทนของดัชนีที่คาดว่าจะได้รับกรณีถือครองเกิน 1 วัน
    • ผู้จัดการกองทุนต้องปรับสัดส่วนการลงทุนทุกวัน (Daily Rebalance) เพื่อสร้างผลตอบแทนให้สามารถอ้างอิงกับดัชนี รายวัน
    • การคำนวณผลตอบแทนเป็นการคำนวณแบบทบต้น (Compounding Effect) ทำให้การถือ L&I ETFs มากกว่าหนึ่งวัน อาจได้รับผลตอบแทนที่แตกต่างจากผลตอบแทนของดัชนีอ้างอิงที่คาดว่าจะได้รับ
  2. L&I ETFs มีการทำธุรกรรมผ่าน Derivatives และต้อง Daily Balance ซึ่งอาจส่งผลให้ค่าธรรมเนียมสูงกว่า ETF ทั่วไป
 Index or normal ETF (1X)BenchmarkLeveraged ETF (2X)
 IndexDaily returnTotal returnIndex Total return 2XNAVDaily returnTotal return
Day 0100   100  
Day 111010%10%20%12020%20%
Day 299-10%-1%-2%96-20%-4%
 

คำอธิบายตาราง

  • Daily return ของ Leveraged ETF เป็น 2 เท่าของดัชนี
  • ซึ่งหมายความว่ากองทุนต้อง Daily Rebalance เพื่อรักษาอัตรานี้ (-20% ใน Day 2 จึงคำนวณจากมูลค่ากองทุนที่ผ่านการ Rebalance จาก Day 1 (120))
  • ผลการคำนวณแบบทบต้น (Compounding Effect) ดังกล่าว ทำให้ Total return ของ Leverage ETF ต่ำกว่า (-4%) ผลตอบแทนของดัชนีที่คาดว่าจะได้รับ (Benchmark) ที่ (-2%)
  • ทั้งนี้ในบางกรณีเช่น Index เป็น Continuous trend ผลตอบแทนจาก L&I ETFs อาจดีกว่า Benchmark

สัญลักษณ์ Leveraged & Inverse ETFs

LTF-LI-img02

ETF มีผู้ดูแลสภาพคล่อง (MARKET MAKER)

ทำหน้าที่ส่งคำสั่งเสนอซื้อเสนอขาย ETF เพื่อให้นักลงทุนมั่นใจว่าจะสามารถซื้อขาย ETF ได้ และราคาของ ETF เคลื่อนไหวสะท้อนมูลค่า ที่แท้จริงของหน่วยลงทุน แต่ก็มีโอกาสที่ราคา ETF จะห่างกับราคา iNAV เพราะมีปัจจัยอื่น ๆ เช่น ความต้องการของนักลงทุน หรืออัตราแลกเปลี่ยน ที่ส่งผลต่อการปรับตัวของราคา ETF เช่นกัน

LTF-LI-img02

VDO เพื่อทำความเข้าใจ L&I ETFs

ถาม - ตอบ

ETF เป็นกองทุนรวมที่จัดตั้งโดยบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) สร้างผลตอบแทนที่มุ่งเน้นชนะตลาด (Active) หรือมีลักษณะทวีคูณหรือตรงกันข้ามกับดัชนีอ้างอิงแบบรายวัน (Leverage / Inverse) ซึ่งจะบริหารสินทรัพย์ให้ได้ผลตอบแทนตามดัชนีอ้างอิง (Passive Fund) ตามนโยบายที่ได้ประกาศไว้ในหนังสือชี้ชวน ดังนั้น ผู้ลงทุนจึงสามารถตรวจสอบนโยบายการลงทุน ผลการดำเนินงาน และการถือครองหลักทรัพย์ได้ตลอดเวลา
ราคาซื้อขายของ ETF (Trading Price) คือ ราคาซื้อ (Bid) และราคาขาย (Offer) ที่ปรากฏอยู่บนกระดานซื้อขาย ซึ่งราคานี้จะถูกกำหนดโดยความต้องการซื้อและความต้องการขาย ของผู้ลงทุนใน ETF  โดยทั่วไป ราคาซื้อขายของ ETF ควรใกล้เคียงกับมูลค่าต่อหน่วยของทรัพย์สินสุทธิของกองทุน (Net Asset Value: NAV) ซึ่งคำนวณมาจากราคาปิดของหุ้นหรือสินทรัพย์ที่เป็นองค์ประกอบของกองทุน ณ สิ้นวันทำการ ทั้งนี้ ในระหว่างเวลาซื้อขาย ผู้ออก ETF จะเผยแพร่มูลค่าทรัพย์สินสุทธิโดยประมาณ (Indicative Net Asset Value: iNAV) ต่อหน่วยระหว่างวัน ทุกๆ 15-30 วินาที เพื่อให้ผู้ลงทุนใช้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจลงทุน

จำนวนหน่วยขั้นต่ำในการส่งคำสั่งซื้อขายคือ 1 board lot ซึ่งเท่ากับ 100 หน่วยของ ETF

ผู้ลงทุนใน ETF จะมีโอกาสได้รับผลตอบแทนใน 2 ลักษณะ คือ
  • กำไรจากส่วนต่างของราคา (capital gain) ที่ผู้ลงทุนได้รับเมื่อซื้อหน่วย ETF ในราคาต่ำแล้วขายได้ในราคาสูงกว่า
  • สำหรับ ETF ที่มีนโยบายลงทุนในกลุ่มหุ้น ผู้ลงทุนมีโอกาสได้รับเงินปันผล (dividend) เมื่อผู้จัดการกองทุนจัดสรรเงินปันผลที่กองทุนได้มาจากเงินปันผลของบริษัทที่เป็นองค์ประกอบของดัชนีอ้างอิง
บริษัทหลักทรัพย์จะเรียกเก็บค่าธรรมเนียมจากรายการซื้อและรายการขาย หรือที่เรียกว่า Commission fee ในการเป็นนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ให้แก่ผู้ลงทุนที่ใช้บริการ ในอัตราที่บริษัทกำหนด พร้อมทั้งมีการเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มอีกร้อยละ 7 ของ Commission fee

 

เงินปันผล

เงินได้จากการขายหน่วยลงทุน

บุคคลธรรมดา

หัก ณ ที่จ่ายร้อยละ 10 และไม่ต้องนำไปรวมคิดภาษีเงินได้ตอนปลายปีอีก ได้รับการยกเว้นภาษี
นิติบุคคล

 

บริษัทจดทะเบียน*
ได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้
รวมเป็นรายได้เพื่อเสียภาษีเงินได้
บริษัทจำกัด**
นำเงินปันผลเพียงครึ่งหนึ่งของที่ได้รับมาคำนวณเป็นเงินได้
รวมเป็นรายได้เพื่อเสียภาษีเงินได้

*, **บริษัทจดทะเบียนจะต้องถือหน่วยลงทุนไว้ 3 เดือน ก่อนและหลังได้รับเงินปันผล
บลจ. ผู้ออก ETF จะซื้อขายหน่วย ETF โดยตรงกับผู้ร่วมค้าหน่วยลงทุน (Participant Dealer) ตามจำนวนที่กำหนดไว้ (Creation/Redemption Units) สำหรับผู้ลงทุนที่ต้องการให้ บลจ. ออกหน่วย ETF เพิ่มหรือต้องการขายคืน ETF ให้แก่ บลจ. ต้องติดต่อกับผู้ร่วมค้าหน่วยลงทุน
L&I ETF (Leveraged & Inverse ETFs) คือ กองทุนรวม ETF (Exchange Traded Fund) ที่ออกแบบมาเพื่อให้ผลตอบแทน *เป็นทวีคูณ* (Leveraged) หรือ *ตรงข้าม* (Inverse) กับผลตอบแทนรายวันของดัชนีอ้างอิง (Underlying Index) 
L&I ETF ใช้เครื่องมือทางการเงิน เช่น สัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Futures Contracts) เพื่อให้ได้ผลตอบแทนตามเป้าหมาย โดยจะคำนวณผลตอบแทน "รายวัน" จากการเคลื่อนไหวของดัชนีอ้างอิง และสามารถแบ่งได้เป็น 3 ประเภทหลัก คือ
  1. Leveraged ETF (กองทุน ETF ที่มุ่งสร้างผลตอบแทน เป็นทวีคูณในทิศทางเดียวกัน กับดัชนีอ้างอิง): เช่น 2X ETF หากดัชนีอ้างอิงปรับตัวขึ้น 1% กองทุน Leveraged ETF ที่มีอัตราทด 2 เท่า ควรจะให้ผลตอบแทนประมาณ 2% 
  2. Inverse ETF (กองทุน ETF ที่มุ่งสร้างผลตอบแทน ตรงข้าม กับดัชนีอ้างอิง): เช่น -1X ETF หากดัชนีอ้างอิงปรับตัวลดลง 1% กองทุน Inverse ETF ที่มีอัตราทด -1 เท่า ควรจะให้ผลตอบแทนประมาณ 1% 
  3. Leveraged Inverse ETF (กองทุน ETF ที่มุ่งสร้างผลตอบแทน เป็นทวีคูรในทิศทางตรงข้าม กับดัชนีอ้างอิง): เช่น -2X ETF หากดัชนีอ้างอิงปรับตัวลดลง 1% กองทุน Inverse ETF ที่มีอัตราทด -2 เท่า ควรจะให้ผลตอบแทนประมาณ 2% 
ลักษณะสัญลักษณ์ Leveraged และ Inverse ETFs

LTF-LI-img02

“2X” = Leveraged ETF ที่ให้ผลตอบแทน 2 เท่า ของดัชนีอ้างอิง (ในทิศทางเดียวกัน)
“2I” = Inverse ETF ที่ให้ผลตอบแทน -2 เท่า ของดัชนีอ้างอิง (ในทิศทางตรงกันข้าม)
L&I ETFs เหมาะสำหรับนักลงทุนที่มีความเข้าเข้าใจในผลิตภัณฑ์ที่ซับซ้อน และสามารถรับความเสี่ยงของผลิตภัณฑ์ได้ โดยเฉพาะนักลงทุนที่
  1. ต้องการเก็งกำไรจากการเคลื่อนไหวของตลาดในช่วงสั้น เช่น การซื้อขายรายวัน หรือถือครองระยะสั้น
  2. ต้องการใช้เป็นเครื่องมือในการป้องกันความเสี่ยงพอร์ตลงทุน (Hedging) ในช่วงที่ตลาดมีความผันผวน
  • - ETFs ทั่วไป ลงทุนในหุ้น พันธบัตร หรือสินทรัพย์อื่นโดยตรง เพื่อให้ผลตอบแทนใกล้เคียงกับดัชนีอ้างอิง
  • - L&I ETFs ใช้เครื่องมือทางการเงินอื่น เช่น ตราสารอนุพันธ์ เพื่อให้ผลตอบแทน "เป็นทวีคูณ" หรือ "ตรงข้าม" หรือ "เป็นทวีคูณในทิศทางตรงข้าม" กับดัชนีอ้างอิง
L&I ETFs มีโครงสร้างค่าธรรมเนียมคล้ายกับ ETF ทั่วไป อย่างไรก็ตาม เนื่องจาก L&I ETFs ใช้กลยุทธ์การลงทุนที่ซับซ้อนกว่า เช่น การลงทุนในตราสารอนุพันธ์เพื่อสร้างผลตอบแทนทวีคูณหรือสวนทางกับดัชนีอ้างอิง จึงทำให้ Management Fee และค่าใช้จ่ายรวมของกองทุนอาจสูงกว่า ETF ทั่วไป นักลงทุนควรศึกษารายละเอียดค่าธรรมเนียมจากหนังสือชี้ชวนก่อนการลงทุนเพื่อให้เข้าใจต้นทุนที่เกี่ยวข้องอย่างครบถ้วน
นักลงทุนสามารถซื้อขาย L&I ETFs ได้ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ผ่านบริษัทหลักทรัพย์ (โบรกเกอร์) ที่เป็นสมาชิกตลาดหลักทรัพย์ เช่นเดียวกับการซื้อขายหุ้นทั่วไป ผู้ลงทุนสามารถตรวจสอบรายชื่อบริษัทหลักทรัพย์ที่ให้บริการได้จากเว็บไซต์ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (คลิก link)
L&I ETFs ถูกออกแบบมาให้ติดตามผลตอบแทนรายวัน (Daily Returns) ของดัชนีอ้างอิง ดังนั้นเมื่อถือครองในระยะยาว ผลตอบแทนอาจคลาดเคลื่อนจากที่คาดหวังเนื่องจาก ผลของการทบต้นรายวัน (Compounding Effect)
Compounding Effect คือผลตอบแทนทบต้นที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของราคาในแต่ละวัน ซึ่งอาจทำให้ผลตอบแทนสะสมในระยะยาวแตกต่างจากผลตอบแทนที่เราคาดว่าจะได้จากการคูณอัตราทดโดยตรง

ตัวอย่าง:
สมมตินักลงทุนซื้อ Leveraged ETF ที่มีอัตราทด 2 เท่า
ในวันแรก ดัชนีอ้างอิงอยู่ที่ 100 จุด ETF ราคา 100 บาท ถ้าวันนี้ดัชนีไม่เปลี่ยนแปลง มูลค่า ETF ก็จะคงเดิม
ในวันที่ 2 ดัชนีเพิ่มขึ้น 10% → ETF จะเพิ่มขึ้นประมาณ 20% มูลค่ากลายเป็น 120 บาท
ในวันที่ 3 ดัชนีกลับมาที่ 100 จุด (ลดลงจากวันก่อนหน้า 9.09%) → ETF จะลดลงประมาณ 18.18% จาก 120 บาท เหลือประมาณ 98.18 บาท

จะเห็นว่าแม้ดัชนีสุดท้ายกลับมาที่ระดับเดิม (ผลตอบแทนสะสมของดัชนี เท่ากับ 0%) แต่มูลค่า ETF กลับลดลงเพราะผลของการทบต้นรายวัน (Compounding Effect)
ดังนั้น L&I ETFs จึงเหมาะกับกลยุทธ์การถือครองระยะสั้น เพื่อเก็งกำไรจากแนวโน้มตลาดในช่วงสั้น หรือใช้บริหารความเสี่ยง มากกว่าการถือครองระยะยาว
L&I ETFs มีความเสี่ยงสำคัญหลายด้านที่นักลงทุนควรตระหนัก ได้แก่:
  1. ความเสี่ยงจากความผันผวน (Volatility Risk) : L&I ETFs มักมีความผันผวนสูงกว่า ETFs ทั่วไป เนื่องจากกลไกการทวีคูณผลตอบแทน
  2. ความเสี่ยงจากการทบต้นรายวัน (Compounding Risk) : การทบผลตอบแทนรายวันอาจทำให้ผลตอบแทนสะสมระยะยาวคลาดเคลื่อนจากที่คาดหวัง
  3. ความเสี่ยงจากอัตราทด (Leverage Risk) : อัตราทดที่สูงจะขยายผลกระทบต่อพอร์ตการลงทุนทั้งในทิศทางบวกและลบ
  4. ความเสี่ยงด้านสภาพคล่อง (Liquidity Risk) : L&I ETFs บางตัวอาจมีสภาพคล่องต่ำกว่าการซื้อขายหุ้นหรือ ETFs ทั่วไป โดยเฉพาะในช่วงตลาดผันผวน
โดยทั่วไป L&I ETFs เหมาะสำหรับการลงทุนระยะสั้น เช่น การซื้อขายรายวัน (Day Trading) หรือการถือครองเพียงไม่กี่วัน 
เนื่องจาก L&I ETFs ถูกออกแบบมาให้ติดตามผลตอบแทนรายวันของดัชนีอ้างอิง ดังนั้นการถือครองในระยะยาวในบางกรณี ผลตอบแทนสะสมอาจคลาดเคลื่อนจากที่คาดหวังอย่างมีนัยสำคัญอันเป็นผลมาจาก Compounding Effect หรือผลของการทบต้นรายวัน
ดังนั้น นักลงทุนจึงควรใช้ L&I ETFs เป็นเครื่องมือสำหรับกลยุทธ์การลงทุนระยะสั้น หรือเพื่อบริหารความเสี่ยงพอร์ตการลงทุน มากกว่าการถือครองเพื่อผลตอบแทนระยะยาว
ตัวอย่างวิธีการจัดการความเสี่ยง:
  • กำหนดขนาดการลงทุนที่เหมาะสม : ลงทุนในจำนวนเงินที่คุณสามารถรับความเสี่ยงได้
  • ใช้คำสั่ง Stop-Loss เพื่อช่วยจำกัดความเสียหายเมื่อราคาผิดทิศทาง
  • ติดตามราคาหน่วยลงทุนและผลตอบแทนของ L&I ETFs อย่างใกล้ชิด และปรับกลยุทธ์ตามสภาวะตลาด
นักลงทุนควรพิจารณาปัจจัยสำคัญดังนี้:
ดัชนีอ้างอิง (Underlying Index): ศึกษาว่า L&I ETF ติดตามดัชนีใด และดัชนีนั้นสอดคล้องกับมุมมองหรือกลยุทธ์การลงทุนของตนเองหรือไม่
อัตราทด (Leverage Factor): ตรวจสอบระดับอัตราทด เช่น 2 เท่า หรือ -1 หรือ -2 เท่า ว่าเหมาะสมกับเป้าหมายการลงทุนและความเสี่ยงที่สามารถยอมรับได้
ค่าใช้จ่ายของกองทุน (Fee): เปรียบเทียบอัตราค่าใช้จ่ายรวมระหว่าง L&I ETFs ต่าง ๆ 
สภาพคล่อง (Liquidity): พิจารณาปริมาณการซื้อขายและมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ย เพื่อให้มั่นใจว่าสามารถเข้าซื้อหรือขายได้
ข้อมูลจากหนังสือชี้ชวน: ศึกษารายละเอียดจากหนังสือชี้ชวนและข้อมูลสำคัญสำหรับผู้ลงทุน เพื่อทำความเข้าใจโครงสร้าง กลไก และความเสี่ยงของกองทุนอย่างรอบด้าน
  • - ตระหนักว่าผลตอบแทนของ L&I ETFs ไม่ได้เป็นการทวีคูณผลตอบแทนของดัชนีในระยะยาว แต่ถูกออกแบบให้สะท้อนผลตอบแทน “รายวัน” ดังนั้นหากถือครองนาน ผลตอบแทนอาจแตกต่างจากที่คาดหวัง
  • - ทำความเข้าใจโครงสร้างการทำงานของกองทุนอย่างละเอียด โดยศึกษากลไกการคำนวณผลตอบแทน การใช้อัตราทด (Leverage) และผลของการทบต้นรายวัน (Compounding Effect)
  • - ความเสี่ยงผลิตภัณฑ์ที่สูงกว่าการลงทุนใน ETFs ทั่วไป เนื่องจาก L&I ETFs มีทั้งความผันผวนสูงและอาจส่งผลขาดทุนรวดเร็วหากตลาดเคลื่อนไหวสวนทาง และไม่ใช่ผลิตภัณฑ์การลงทุนเพื่อกระจายพอร์ตในระยะยาวแบบ ETFs ทั่วไป
  • - หนังสือชี้ชวน (Prospectus): อ่านหนังสือชี้ชวนของ L&I ETFs อย่างละเอียดเพื่อทำความเข้าใจโครงสร้าง ค่าใช้จ่าย และความเสี่ยง
  • - เว็บไซต์ของผู้ออกกองทุน: ตรวจสอบข้อมูลและรายละเอียดผลิตภัณฑ์โดยตรงจากเว็บไซต์ของบริษัทจัดการกองทุน
  • - เว็บไซต์ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย: (www.set.or.th) เพื่อค้นหารายชื่อกองทุนและข้อมูลพื้นฐาน
  • - บทวิเคราะห์หรือรายงานจากบริษัทวิจัย: เพื่อมุมมองจากนักวิเคราะห์มืออาชีพ
  • - ที่ปรึกษาทางการเงิน: ปรึกษาผู้แนะนำการลงทุนหรือผู้เชี่ยวชาญทางการเงินเพื่อให้ได้รับคำแนะนำที่เหมาะสมกับวัตถุประสงค์และระดับความเสี่ยงของตนเอง

ต้องการศึกษารายละเอียดของ ETF ควรทำอย่างไร?

ผู้ลงทุนที่สนใจ ETF สามารถศึกษารายละเอียดก่อนจากหนังสือชี้ชวนเสนอขายหน่วยลงทุน (Prospectus) ซึ่งเป็นเอกสารสำคัญที่ บลจ. ผู้ออก ETF จัดทำเพื่อให้ข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับโครงการลงทุนที่มีการจัดตั้งขึ้นแก่ผู้ลงทุน เช่น นโยบายการลงทุน เงื่อนไขในการซื้อขายเป็นต้น นอกจากนี้ ผู้ออก ETF จะเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับกองทุน (Fund Fact Sheet) เพื่อสรุปสาระสำคัญของ ETF เป็นประจำทุกเดือน เช่น รายละเอียดการลงทุน ผลการดำเนินงาน เป็นต้น รวมทั้งจัดทำรายงานประจำปีของ ETF และเผยแพร่ให้แก่ผู้ลงทุนด้วย ทั้งนี้ ผู้ลงทุนสามารถค้นหาข้อมูลรายละเอียดของ ETF ได้จากเว็บไซต์ของสำนักงาน ก.ล.ต. ตลาดหลักทรัพย์ฯ และ บลจ. ผู้ออก ETF

ต้องการศึกษารายละเอียดของ ETF ควรทำอย่างไร?

ผู้ลงทุนที่สนใจ ETF สามารถศึกษารายละเอียดก่อนจากหนังสือชี้ชวนเสนอขายหน่วยลงทุน (Prospectus) ซึ่งเป็นเอกสารสำคัญที่ บลจ. ผู้ออก ETF จัดทำเพื่อให้ข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับโครงการลงทุนที่มีการจัดตั้งขึ้นแก่ผู้ลงทุน เช่น นโยบายการลงทุน เงื่อนไขในการซื้อขายเป็นต้น นอกจากนี้ ผู้ออก ETF จะเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับกองทุน (Fund Fact Sheet) เพื่อสรุปสาระสำคัญของ ETF เป็นประจำทุกเดือน เช่น รายละเอียดการลงทุน ผลการดำเนินงาน เป็นต้น รวมทั้งจัดทำรายงานประจำปีของ ETF และเผยแพร่ให้แก่ผู้ลงทุนด้วย ทั้งนี้ ผู้ลงทุนสามารถค้นหาข้อมูลรายละเอียดของ ETF ได้จากเว็บไซต์ของสำนักงาน ก.ล.ต. ตลาดหลักทรัพย์ฯ และ บลจ. ผู้ออก ETF


bullet Check
ศึกษารายละเอียดจากหนังสือชี้ชวนเสนอขายหน่วยลงทุน (Prospectus)
bullet Check
ข้อมูลเกี่ยวกับกองทุน (Fund Fact Sheet) และรายงานประจำปีของ ETF
bullet Check
เว็บไซต์ของสำนักงาน ก.ล.ต. ตลาดหลักทรัพย์ฯ และบลจ. ผู้ออก ETF