ซื้อประกันทั้งที ซื้ออย่างไรให้คุ้มค่า

โดย ศิวกร ทองหล่อ AFPT™ Wealth Manager ธนาคารทิสโก้
45-how-to-get-the-most-out-of-your-insurance-purchase
Highlight
  • ถ้าคุณเป็นมนุษย์เงินเดือนและมีสวัสดิการด้านประกันจากบริษัท แต่ยังรู้สึกต้องการซื้อประกันเพิ่ม สิ่งที่สำคัญก่อนตัดสินใจซื้อ คือ การรวบรวมข้อมูลความคุ้มครองที่มีก่อนเพื่อไม่ให้เกิดความคุ้มครองที่มากเกินความจำเป็น

  • ถ้าต้องการความคุ้มครองที่ครอบคลุมการรักษาโรคร้ายแรงต่าง ๆ ในวงเงินสูง และสามารถใช้สวัสดิการของนายจ้างหรือบริษัทต้นสังกัดที่มีอยู่ อาจพิจารณาแบบประกันสุขภาพที่มี “ความรับผิดส่วนแรก” ได้ เพื่อเป็นส่วนลดค่าเบี้ยประกันสุขภาพ

“ถ้าคุณเป็นมนุษย์เงินเดือนและมีสวัสดิการด้านประกันจากบริษัท ควรตัดสินใจซื้อประกันอย่างไรให้คุ้มค่า โดยที่เบี้ยประกันที่จ่ายไปก็ไม่สูญเปล่า พร้อมยังสร้างความคุ้มครองให้มีประสิทธิภาพสูงสุดได้

 

ปัจจุบันนอกจากคนไทยจะหันมาใส่ใจเรื่องการดูแลสุขภาพมากขึ้นแล้ว การวางแผนเรื่องการทำประกันชีวิต ประกันอุบัติเหตุ และประกันสุขภาพ ก็ได้รับความสนใจมากขึ้นเช่นกัน สะท้อนจากสถิติการชำระเบี้ยประกันภัยตั้งแต่ปี 2554 – 2560 ที่มีการเติบโตเฉลี่ยปีละ 10.56% นับว่าเป็นสัญญาณที่ดีสำหรับสังคมไทย เช่น การสร้างหลักประกันยามเจ็บป่วยและไม่สร้างภาระให้แก่ลูกหลานเมื่อยามชรา ทำให้ลูกหลานมีเงินเหลือไปเก็บออมหรือลงทุนมากขึ้นได้ เป็นต้น

 

อย่างไรก็ดี การลงทุนต้องพิจารณาและศึกษาข้อมูลให้ดีก่อนการตัดสินใจลงทุนฉันใด การซื้อประกันก็ต้องพิจารณาให้ดีฉันนั้น เพื่อให้เบี้ยประกันที่เราจ่ายไปไม่สูญเปล่าและสามารถสร้างความคุ้มครองให้มีประสิทธิภาพสูงสุดได้

 

สิ่งสำคัญก่อนที่จะตัดสินใจซื้อประกันประเภทใดก็ตาม คือ การรวบรวมข้อมูลความคุ้มครองที่ตนเองมี ณ ปัจจุบันก่อนตัดสินใจ เพื่อไม่ให้ประกันเหล่านั้นไปทับซ้อนกับความคุ้มครองที่มีอยู่เดิมหรือคุ้มครองมากจนเกินจำเป็น และนำงบประมาณไปใช้กับความคุ้มครองส่วนอื่นที่ขาดไปหรือไปลงทุนเพิ่มเติมได้ เพราะโดยทั่วไปแล้วมนุษย์เงินเดือน มักมีสวัสดิการประกันกลุ่มจากบริษัทนายจ้าง ซึ่งอาจคุ้มครองทั้งด้านสุขภาพและอุบัติเหตุ โดยครอบคลุมทั้งผู้ป่วยในและผู้ป่วยนอก เช่น ประกันสังคมตามมาตรา 33 ที่มนุษย์เงินเดือนสามารถเข้ารับการรักษาพยาบาล โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเมื่อเข้ารับการรักษาในสถานพยาบาลตามบัตรรับรองสิทธิหรือเครือข่ายของสถานพยาบาลนั้น ๆ

อีกทั้ง ยังได้รับเงินช่วยเหลือสำหรับการคลอดบุตรและกรณีทุพพลภาพอีกด้วย โดยต้องจ่ายเงินสมทบมาไม่น้อยกว่า 15 เดือน และ 6 เดือนตามลำดับ จากนั้นเมื่อเก็บรวบรวมข้อมูลความคุ้มครองที่มีอยู่เดิมเรียบร้อยแล้ว จึงตัดสินใจเลือกแบบประกันที่สนใจต่อไป

 

ทั้งนี้ วงเงินความคุ้มครองของทั้งประกันกลุ่ม รวมถึงประกันสังคม อาจไม่มากพอที่จะครอบคลุมค่าใช้จ่ายการรักษาพยาบาลในปัจจุบัน หากเจ็บป่วยเป็นโรคร้ายแรง เช่น โรคมะเร็ง หัวใจ หรือไตวาย ที่ถึงแม้โอกาสเจ็บป่วยแบบร้ายแรงจะพบได้ไม่บ่อยนัก แต่หากจำเป็นต้องรักษาโรคเหล่านี้ ค่าใช้จ่ายเพื่อการรักษาพยาบาลจะสูงมาก

 

ดังนั้น หากมีงบประมาณที่จำกัด แต่ยังต้องการความคุ้มครองสุขภาพสำหรับการรักษาโรคร้ายแรงต่าง ๆ ในวงเงินสูง และยังสามารถใช้ประโยชน์ความคุ้มครองจากสวัสดิการนายจ้างหรือบริษัทต้นสังกัดที่มีอยู่แล้ว อาจพิจารณาแบบประกันสุขภาพที่มี “ความรับผิดส่วนแรก” ได้ เพื่อเป็นส่วนลดค่าเบี้ยประกันสุขภาพ และยังได้ความคุ้มครองในวงเงินเท่าที่ตนเองต้องการโดยยังสามารถใช้สวัสดิการที่มีอยู่ควบคู่ไปได้อีกด้วย

 

ความรับผิดส่วนแรก (Deductible) ในด้านของประกันสุขภาพ หมายถึง ให้ผู้เอาประกันภัยออกค่าใช้จ่ายในการรักษาไปก่อน โดยหากค่าใช้จ่ายเกินกว่าที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ บริษัทผู้รับประกันภัยจะเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายส่วนเพิ่มเติมให้กับผู้เอาประกันภัย วิธีนี้จะช่วยให้ผู้เอาประกันสามารถประหยัดค่าเบี้ยประกันสุขภาพได้มากขึ้น หากมีวงเงินความรับผิดส่วนแรกมาก

 

ยกตัวอย่าง หากแผนประกันสุขภาพสำหรับผู้เอาประกันเพศชายอายุ 34 ปีของบริษัท A มีวงเงินคุ้มครองสุขภาพแบบเหมาจ่ายปีละ 500,000 บาท ค่าเบี้ยปกติ 12,936 บาทต่อปี หากต้องการเลือกให้มีความรับผิดส่วนแรกวงเงิน 20,000 บาท

ค่าเบี้ยจะลดลงเหลือ 9,216 บาท ซึ่งประหยัดค่าเบี้ยไปได้ราว 30% และหากเลือกความรับผิดส่วนแรก 50,000 บาท ค่าเบี้ยประกันจะเท่ากับ 6,708 บาท จะประหยัดค่าเบี้ยประกันไปได้ราว 50% อีกด้วย

 

ซึ่งหากผู้เอาประกันภัยมีสวัสดิการจากนายจ้างก็สามารถนำมาใช้ในส่วนของความเสียหายส่วนแรกได้ และยังสามารถ

เบิกกับประกันสุขภาพที่ทำเพิ่มไว้ หากค่าใช้จ่ายเพื่อการรักษาเกินสวัสดิการที่ได้รับอีกด้วย

 

ในปัจจุบันทั้งมนุษย์เงินเดือน รวมถึงบริษัทเอกชนต่าง ๆ หันมาให้ความสำคัญกับหลักประกันสุขภาพมากขึ้น จึงเกิดสวัสดิการต่าง ๆ มากมาย อย่างไรก็ดี ด้วยค่ารักษาพยาบาลที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ลูกจ้างจึงจำเป็นต้องทำประกันสุขภาพเพิ่มเติมไว้ ซึ่งการตัดสินใจเลือกแบบประกันที่มีความรับผิดส่วนแรก จะช่วยให้สามารถบริหารค่าเบี้ยประกันที่จ่ายออกไป หรือสามารถเพิ่มหลักประกันให้กับตนเองและครอบครัวได้อีกด้วย

 

สำหรับผู้ที่สนใจอยากทำประกัน แต่ไม่รู้ว่าต้องวางแผนอย่างไรเพื่อจะสามารถชำระเบี้ยประกันได้ตลอดระยะเวลาของสัญญา มาเริ่มต้นเรียนรู้การวางแผนการเงิน เพื่อเตรียมพร้อมเรื่องเงินอย่างเป็นระบบให้บรรลุเป้าหมายที่ตั้งใจไว้ ด้วย e-Learning หลักสูตร “เงินทองต้องวางแผน” ได้ฟรี!!! >> คลิกที่นี่ 



บทความที่เกี่ยวข้อง