เรื่องควรรู้ ก่อนกู้หนี้ของคนเจน Z

โดย พรพิมล ปฐมศักดิ์ ผู้เชี่ยวชาญการบริหารหนี้
TSI_Article_FL_100_เรื่องควรรู้ ก่อนกู้หนี้ของคนเจน Z_Thumbnail
Highlight

เนื่องจากคนเจน Z (กลุ่มคนที่เกิดระหว่างปี 2540 – 2555) มีทัศนคติทางความคิดที่เปิดกว้าง กล้าแสดงออก มีความมั่นใจสูง รักอิสระเสรี ใช้เวลากับโลกออนไลน์นาน รับข้อมูลข่าวสารและตัดสินใจรวดเร็ว รวมถึงเรื่องการจับจ่ายใช้สอย ทำให้เป็นวัยที่กล้าใช้เงิน กล้ากู้เงิน และผลที่ตามมา คือ หนี้ติดตัวเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ และหากไม่มีวินัยด้านการวางแผนการเงินอาจมีปัญหาทางการเงินในอนาคต ดังนั้น ก่อนตัดสินใจก่อหนี้ควรถามตัวเองก่อนว่าจำเป็นแค่ไหนที่จะก่อหนี้

มีคำถามชวนให้สงสัยว่าทำไมคนเจน Z ถึงก่อหนี้อยู่ในระดับสูง คำตอบ คือ เนื่องจากเป็นวัยค่อนข้างคล้อยตามอารมณ์ง่าย ทำให้การตัดสินใจในการใช้เงินรวดเร็วตามไปด้วย เช่น เมื่อเจอของที่ใช่ ก็จะซื้อเลย ขณะเดียวกัน ด้วยเทคโนโลยีที่ล้ำหน้าอย่างรวดเร็ว ทำให้มีช่องทางการจับจ่ายใช้สอยสะดวก โดยเฉพาะช่องทางออนไลน์ที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจใช้เงินของคนเจนนี้ ยิ่งไปกว่านั้นยังมี Social Commerce (เช่น Facebook, TikTok) นับเป็นอีกช่องทางที่กระตุ้นความต้องการใช้เงิน เพราะคนเจนนี้ค่อนข้างคล้อยตาม Influencer หรือการตลาดแบบปากต่อปาก ที่สำคัญรูปแบบการให้บริการปล่อยกู้ก็ทำได้ง่าย เช่น ซื้อก่อนจ่ายทีหลัง (Buy Now Pay Later) หรือบัตร Virtual Card (บัตรอิเล็กทรอนิกส์สำหรับใช้ซื้อสินค้าและชำระค่าบริการผ่านช่องทางอินเทอร์เน็ต)

 

จากปัจจัยดังกล่าว ทำให้คนเจน Z กล้าที่จะใช้เงิน กล้าที่จะก่อหนี้ ขณะเดียวกันก็กล้าที่จะทิ้งหนี้ จึงทำให้ขาดวินัยด้านการวางแผนการเงินในอนาคต และเพื่อตัดไฟแต่ต้นลม การเตรียมตัวในเรื่องของการบริหารการเงินและทำความเข้าใจเรื่องหนี้สินจึงเป็นสิ่งสำคัญ ต่อไปนี้เป็นเคล็ดลับที่จะช่วยให้คนเจน Z เข้าใจและบริหารการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 

 เข้าใจกลไกการทำงานของหนี้

ก่อนที่จะก่อหนี้ คนเจน Z ควรเข้าใจกลไกการทำงานของหนี้อย่างถ่องแท้ โดยเริ่มต้นด้วยการรู้เกี่ยวกับประเภทของหนี้ เช่น หนี้การศึกษา หนี้รถ หนี้บ้าน หนี้บัตรเครดิต และหนี้สินเชื่อส่วนบุคคล เป็นต้น สิ่งสำคัญ คือต้องเข้าใจว่าการเป็นหนี้คือภาระผูกพันที่ต้องชำระคืนตามข้อตกลง พร้อมดอกเบี้ย นอกจากนี้ ควรเข้าใจถึงองค์ประกอบต่าง ๆ ของหนี้ ซึ่งจะช่วยให้สามารถคำนวณต้นทุนที่แท้จริงของหนี้และตัดสินใจได้ว่าควรขอสินเชื่อหรือไม่

 

เงินต้น               : จำนวนเงินที่กู้ยืมมา

ดอกเบี้ย             : ค่าใช้จ่ายที่ต้องจ่ายให้กับผู้ให้กู้ยืม เพื่อแลกกับการใช้เงินของเขา

ระยะเวลาชำระคืน : ช่วงเวลาที่ต้องใช้ในการชำระหนี้คืน

ค่าธรรมเนียม       : ค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการกู้ยืม เช่น ค่าธรรมเนียมการยื่นกู้ ค่าธรรมเนียมการใช้วงเงิน การประเมินสินทรัพย์ เป็นต้น

 

การทำบัญชีตั้งงบประมาณ

เรียนรู้การทำแผนการเงินแบบย่อ การทำบัญชีตั้งงบประมาณ เป็นเครื่องมือสำคัญในการบริหารการเงิน ช่วยให้คนเจน Z สามารถติดตามรายรับและรายจ่ายรายเดือนได้อย่างชัดเจน มองเห็นภาพรวมของการใช้เงินของตัวเอง ควบคุมการใช้จ่ายได้ดีขึ้น และสามารถวางแผนการใช้เงินได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยวิธีเบื้องต้นในการทำบัญชีตั้งงบประมาณ มีดังนี้

 

  • รวบรวมข้อมูลรายรับและรายจ่ายของตัวเอง โดยบันทึกรายรับและรายจ่ายในแต่ละวัน หรือการใช้บริการบัญชีตั้งงบประมาณออนไลน์
  • แบ่งประเภทค่าใช้จ่ายออกเป็น 3 ประเภทหลัก ๆ ได้แก่ ค่าใช้จ่ายที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต เช่น ค่าอาหาร ค่าที่พัก ค่าเดินทาง เป็นต้น ต่อมาเป็นค่าใช้จ่ายส่วนตัว และค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต เช่น ค่าชอปปิง ค่าบันเทิง ค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวกับการเสี่ยงโชค เป็นต้น
  • กำหนดงบประมาณให้กับแต่ละประเภทค่าใช้จ่าย ควรพิจารณาถึงรายได้และค่าใช้จ่ายของตัวเองอย่างรอบคอบ เพื่อกำหนดงบประมาณที่สมเหตุสมผล การทำบัญชีตั้งงบประมาณเป็นทักษะสำคัญที่ควรเรียนรู้และฝึกฝนตั้งแต่เนิ่น ๆ เพื่อช่วยให้สามารถบริหารการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพและบรรลุเป้าหมายทางการเงินในอนาคต

 

ความจำเป็นในการขอสินเชื่อ

ความจำเป็นในการขอสินเชื่อ หมายถึง เหตุผลที่แท้จริงที่ต้องใช้เงินก้อนนั้น โดยเหตุผลเหล่านี้ควรเป็นเหตุผลที่มีความสำคัญและจำเป็นต่อการดำรงชีวิตหรือดำเนินธุรกิจ ไม่ควรเป็นเหตุผลที่เกิดจากความต้องการชั่ววูบหรือความอยากได้อยากมี

 

สำหรับคนเจน Z ซึ่งเป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มีรายได้ไม่สูงและเพิ่งเริ่มทำงาน การเลือกขอสินเชื่อควรพิจารณาถึงปัจจัยหลายอย่าง เช่น พิจารณาถึงความจำเป็นในการขอสินเชื่ออย่างรอบคอบว่าจำเป็นต้องใช้เงินก้อนนั้นจริง ๆ หรือไม่ หากเป็นการขอสินเชื่อเพื่อใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน (ซื้อเสื้อผ้า เครื่องสำอาง เล่นเกม หรือท่องเที่ยว) ควรพิจารณาถึงความจำเป็นในการใช้จ่ายนั้น ๆ ว่าคุ้มค่ากับภาระหนี้ที่จะเกิดขึ้นหรือไม่ (ข้อควรระวัง ไม่ควรขอสินเชื่อเพื่อใช้ในการพนันเสี่ยงโชคโดยเด็ดขาด) 

 

สำหรับความจำเป็นในการขอสินเชื่อ ได้แก่ ค่าใช้จ่ายฉุกเฉิน เช่น ค่ารักษาพยาบาล อุบัติเหตุ น้ำท่วม การศึกษา ส่วนความสามารถในการชำระคืนหนี้ ควรประเมินความสามารถในการชำระคืนหนี้ของตัวเอง โดยพิจารณาจากรายได้และค่าใช้จ่ายในปัจจุบัน ขณะเดียวกันควรศึกษาอัตราดอกเบี้ยและค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ของสินเชื่อก่อนตัดสินใจขอสินเชื่อ เพื่อหลีกเลี่ยงการจ่ายดอกเบี้ยหรือค่าธรรมเนียมที่สูงเกินควร

 

หากมีรายได้ที่ไม่แน่นอน ควรหลีกเลี่ยงการขอสินเชื่อที่มีภาระผูกพันในการชำระคืนสูง เช่น สินเชื่อบัตรเครดิต หรือสินเชื่อส่วนบุคคล เนื่องจากสินเชื่อเหล่านี้มักมีอัตราดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมสูง หากไม่สามารถชำระคืนหนี้ได้ตามกำหนด อาจเป็นหนี้เสียและส่งผลเสียต่อประวัติเครดิตในอนาคต ที่สำคัญไม่ควรขอสินเชื่อนอกระบบ เพราะมักเป็นแหล่งเงินทุนที่มีดอกเบี้ยสูงเกินควร ไม่ได้รับการคุ้มครองจากหน่วยงานราชการ และอาจมีการทุจริตหลอกลวงทำให้สูญเสียเงินทองแทนการได้รับเงินกู้

 

วางแผนการใช้เงินในอนาคต

การวางแผนการใช้เงินในอนาคตจะช่วยให้คนเจน Z สามารถตัดสินใจเกี่ยวกับการใช้เงินในปัจจุบันได้อย่างรอบคอบมากขึ้น เช่น หากวางแผนที่จะซื้อบ้านในอนาคต จำเป็นต้องออมเงินเพื่อดาวน์บ้านและชำระค่าผ่อนบ้าน จึงจำเป็นต้องลดรายจ่ายที่ไม่จำเป็นในปัจจุบัน เช่น การซื้อของฟุ่มเฟือย ค่าโทรศัพท์มือถือ ค่าสมาชิกบริการรายเดือนต่าง ๆ การรับประทานอาหารนอกบ้านบ่อย ๆ เป็นต้น

 

นอกจากนี้ การวางแผนการใช้เงินในอนาคตยังช่วยให้สามารถรับมือกับค่าใช้จ่ายที่คาดไม่ถึงได้ เช่น หากเจ็บป่วยหรือสูญเสียงานก็จะมีเงินสำรองไว้ใช้จ่ายในยามจำเป็น

 

สำหรับแนวทางในการวางแผนการใช้เงินในอนาคต เริ่มจากกำหนดเป้าหมายทางการเงิน ประเมินรายได้และรายจ่ายตั้งงบประมาณสำหรับเป้าหมายทางการเงิน มีเงินออมฉุกเฉิน 6 เดือนของค่าใช้จ่ายที่จำเป็น หากซื้อบ้านควรมีเงินดาวน์บ้าน 20% หาวิธีลดรายจ่ายที่ไม่จำเป็น และมีแผนการลงทุน เป็นต้น

 

รู้ความสำคัญในการรักษาเครดิต

ผู้ที่มีเครดิตดีจะมีโอกาสได้รับการอนุมัติสินเชื่อจากแหล่งเงินทุนที่น่าเชื่อถือได้ง่ายขึ้น สามารถได้รับวงเงินที่สูงขึ้น อัตราดอกเบี้ยสินเชื่อก็อาจจะต่ำกว่าผู้ที่มีเครดิตไม่ดี ผู้ที่มีเครดิตดียังสามารถเข้าถึงแหล่งเงินกู้ในระบบได้หลากหลายขึ้น เช่น สินเชื่อรถยนต์ สินเชื่อส่วนบุคคล สินเชื่อเพื่อการศึกษา เป็นต้น

 

หากผู้กู้ไม่สามารถชำระหนี้ได้ตามกำหนด อาจส่งผลกระทบต่อเครดิตได้ เช่น สถาบันการเงินอาจเรียกเก็บค่าปรับ หรือแม้แต่ฟ้องร้องดำเนินคดี เป็นต้น ส่งผลเสียต่อประวัติการชำระหนี้ของผู้กู้ และอาจทำให้ไม่สามารถเข้าถึงแหล่งเงินกู้ในระบบได้ในอนาคต

 

ดังนั้น จึงเป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องรักษาเครดิตให้ดี ชำระหนี้ตรงตามเวลาและครบถ้วนตามเงื่อนไขที่ตกลงไว้กับสถาบันการเงิน ตรวจสอบข้อมูลเครดิตของตนเองอย่างสม่ำเสมอ สามารถใช้บริการขอเรียกดูประวัติเครดิตของตัวเองในฐานบริษัทข้อมูลเครดิตแห่งชาติได้ เพื่อดูว่าข้อมูลมีความถูกต้องหรือไม่

 

โดยสรุป คนเจน Z ที่ยังเป็นนักเรียนและยังไม่ได้ทำงาน ควรเริ่มเรียนรู้เกี่ยวกับการบริหารเงินและบริหารหนี้ สร้างนิสัยของการออมเงิน ขณะที่ คนที่เริ่มมีรายได้และเริ่มทำงาน ควรหมั่นทำบันทึกการใช้เงิน (รายรับและรายจ่าย) พยายามไม่สร้างหนี้ที่ไม่จำเป็น ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญก่อนตัดสินใจก่อหนี้ เมื่อมีหนี้แล้วต้องรักษาวินัยในการชำระคืน และเข้าใจถึงผลกระทบของการผิดนัดชำระ

 

การบริหารการเงินและสินเชื่อเป็นทักษะที่สำคัญที่เจน Z ควรเรียนรู้และฝึกฝนตั้งแต่เนิ่น ๆ เพื่อให้สามารถจัดการกับเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพและสร้างความมั่นคงทางการเงินในอนาคต


สำหรับใครที่สนใจเรียนรู้แนวทางวางแผนการเงินเพื่อเป้าหมายชีวิต และการใช้เครื่องมือทางการเงินต่าง ๆ ในการสำรวจ สถานะทางการเงินของตนเอง สามารถเรียนรู้เพิ่มเติมผ่าน e-Learning หลักสูตร “ชีวิตดี เริ่มต้นที่การวางแผน” ฟรี!!! >> คลิกที่นี่



บทความที่เกี่ยวข้อง