สรุปภาพรวมภาวะตลาดหลักทรัพย์เดือนมิถุนายน 2566

โดย SET
July2023
Highlight

ผลตอบแทนของสินทรัพย์ในแต่ละกลุ่มของช่วงครึ่งแรกปี 2566 แสดงให้เห็นว่าผู้ลงทุนมีความสนใจในสินทรัพย์เสี่ยงมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มหุ้นเติบโตและกลุ่มเทคโนโลยีขนาดใหญ่ อีกทั้งหุ้นกู้ High Yield ที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่าหุ้นกู้โดยรวมสะท้อนมุมมองผู้ลงทุนที่คาดว่าเศรษฐกิจโลกจะไม่เข้าสู่ภาวะถดถอยอย่างรุนแรง ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าอาจเห็นสัญญาณจากรัฐบาลจีนออกมาตรการกระตุ้นในภาคการคลังขนาดใหญ่เพื่อพยุงเศรษฐกิจที่ซบเซา ซึ่งอาจส่งผลบวกต่อบริษัทจดทะเบียนไทยที่ได้รับอานิสงส์จากที่มีการค้าขายกับจีนมาก รวมถึงภาคการท่องเที่ยว

นายศรพล ตุลยะเสถียร รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานวางแผนกลยุทธ์องค์กร ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ในเดือนมิถุนายน 2566 ธนาคารโลก (World Bank) คาดเศรษฐกิจไทยในปี 2566 จะเติบโตขึ้นที่ร้อยละ 3.9 โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากอุปสงค์ในประเทศและการท่องเที่ยว อย่างไรก็ดี ความเชื่อมั่นของผู้ลงทุนในตลาดหุ้นไทยปรับลดลงจากต้นปี 2566 จากกรณีมีหุ้นกู้ของบริษัทจดทะเบียนบางแห่งผิดนัดชำระหนี้ ส่งผลให้ผู้ลงทุนมีความกังวลในการลงทุนทั้งในตลาดตราสารทุน และตราสารหนี้ จึงเห็นแรงเทขายในหุ้นขนาดกลางและขนาดเล็ก แต่การเมืองในประเทศที่มีพัฒนาการดีขึ้นหลังได้ประธานสภาฯ ส่งผลให้ดัชนีต่างๆ เริ่มปรับตัวดีขึ้น และหากพิจารณาจากอัตราส่วน Forward PE ของ SET ยังอยู่ในระดับค่อนข้างต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีต ทำให้ผู้ลงทุนบุคคลและสถาบันในประเทศเริ่มกลับมาซื้อสุทธิในครึ่งแรกปี 2566

ภาวะตลาดหลักทรัพย์ไทย

  • ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2566 SET Index ปิดที่ 1,10 จุด ปรับลดลง 2.0% จากเดือนก่อนหน้า และปรับลดลง 9.9% เมื่อเทียบกับสิ้นปีก่อนหน้า โดยปรับไปในทิศทางเดียวกับดัชนีตลาดหลักทรัพย์อื่นใน ASEAN
  • ในเดือนมิถุนายนปี 2566 กลุ่มอุตสาหกรรมที่ปรับตัวดีกว่า SET Index เมื่อเทียบกับสิ้นปี 2565 ได้แก่ กลุ่มเทคโนโลยี กลุ่มการเงิน กลุ่มบริการ และกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค
  • ในเดือนมิถุนายน 2566 มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันใน SET และ mai อยู่ที่ 47,893 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนหน้า 2% โดยมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันใน 6 เดือนแรกปี 2566 อยู่ที่ 58,670 ล้านบาท โดยผู้ลงทุนต่างชาติขายสุทธิเป็นเดือนที่ห้า โดยในเดือนมิถุนายน 2566 ผู้ลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 8,617 ล้านบาทอย่างไรก็ดี ผู้ลงทุนต่างประเทศมีสัดส่วนมูลค่าการซื้อขายสูงสุดต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 14
  • ในเดือนมิถุนายน 2566 มีบริษัทเข้าจดทะเบียนใหม่ซื้อขายใน SET 1 หลักทรัพย์ ได้แก่ บมจ. บางกอกแล็ป แอนด์ คอสเมติค (BLC) และใน mai 2 หลักทรัพย์ได้แก่ บมจ. ทีบีเอ็น คอร์ปอเรชั่น (TBN) และ บมจ. ไทยพาร์เซิล (TPL)
  • Forward P/E ของตลาดหลักทรัพย์ไทย ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2566 อยู่ที่ระดับ 0 เท่า สูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์ในเอเชียซึ่งอยู่ที่ระดับ 12.8 เท่า และ Historical P/E อยู่ที่ระดับ 20.6 เท่า สูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์ในเอเชียซึ่งอยู่ที่ระดับ 14.2 เท่า
  • อัตราเงินปันผลตอบแทน ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2566 อยู่ที่ระดับ 22% ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์ในเอเชียซึ่งอยู่ที่ 3.38%

 ภาวะตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า

  • ในเดือนมิถุนายน 2566 ตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (TFEX) มีปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยต่อวัน 608,801 สัญญา เพิ่มขึ้น 21.4% จากเดือนก่อน ที่สำคัญจากการเพิ่มขึ้นของ SET50 Index Futures และ Single Stock Futures และในช่วงครึ่งแรกของปี 2566 มีปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยต่อวัน 558,565 สัญญา ลดลง 2.2% จากปีก่อน ที่สำคัญจากการลดลงของ Single Stock Futures

 

Infographics-SET Release-57-2566
รับชมสรุปภาวะตลาดหลักทรัพย์ประจำเดือนมิถุนายน2566  
โดย ดร.ศรพล ตุลยะเสถียร
รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานวางแผนกลยุทธ์องค์กร
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
อ่านข่าวฉบับเต็ม >> คลิกที่นี่

ดาวน์โหลด Presentation ประกอบข่าว >> คลิกที่นี่

“SET…Make it Work for Everyone”

แท็กที่เกี่ยวข้อง: setsource set mai tfex


บทความที่เกี่ยวข้อง