ปัจจุบัน ปัญหาหนี้สำหรับคนไทยเป็นปัญหาใหญ่ ส่งผลกระทบต่อความเป็นอยู่ในปัจจุบัน เพราะมีเงิน ก็ต้องเอาไปใช้หนี้ และเป็นบ่อเกิดของปัญหาทางการเงินในอนาคตอีกด้วย
จากข้อมูลสินเชื่อในระบบจากเครดิตบูโร คนไทย 25 ล้านคน (1 ใน 3 ของประชากรไทย) มีหนี้ในระบบ โดยมีมูลค่าหนี้เฉลี่ยต่อคนมากถึง 527,000 บาท และ 1 ใน 5 กำลังมีหนี้เสีย (ข้อมูล ณ ไตรมาส 3 ปี 2565) และที่น่ากังวลก็คือ
เมื่อชำระหนี้ไม่ได้ ก็อาจถูกยึดหรืออายัดทรัพย์
คำว่า "ยึด" มีความหมายกว้างๆ ว่าการกระทำการใดๆ ต่อทรัพย์สินของบุคคลที่ถูกยึดเพื่อให้ทรัพย์สินนั้นได้เข้ามาอยู่ในความควบคุม ดูแล หรือครอบครองของผู้ดำเนินการยึดทรัพย์สินนั้น ส่วนคำว่า "อายัด" มีความหมายกว้างๆ ว่า การสั่งให้บุคคลที่ถูกอายัดทรัพย์สิน หรือบุคคลภายนอกมิให้จำหน่าย จ่าย โอน หรือกระทำนิติกรรมใดๆ เกี่ยวกับทรัพย์สิน หรือสิทธิเรียกร้องที่ได้สั่งอายัดไว้
การอายัดเงิน ตามกฎหมายใหม่ (พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ฉบับที่ 30 พ.ศ.2560)
เมื่อศาลมีคำพิพากษาให้เจ้าหนี้ชนะคดี หากลูกหนี้ไม่ชำระหนี้ตามคำพิพากษาภายใน 30 วัน เจ้าหนี้มีสิทธิอายัดสิทธิเรียกร้องของลูกหนี้ได้ โดยตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดีเพื่อออกหมายอายัดต่อไป
การอายัดเงินเดือน โบนัส ค่าตอบแทนต่างๆ หากเจ้าหนี้รายแรกขออายัดเงินเดือนแล้ว เจ้าหนี้รายอื่นจะทำเรื่องขออายัดซ้ำไม่ได้ ต้องรอคิวให้รายแรกอายัดครบก่อน หรืออาจจะขอหารส่วนแบ่งเงินที่ถูกอายัดจากเจ้าหนี้รายแรกก็ได้ ถ้ารอก็จะรอได้ไม่เกิน 10 ปี หากเกิน 10 ปีก็จะหมดอายุความ
หลักเกณฑ์การอายัดเงินเดือน
สิทธิเรียกร้องที่อายัดไม่ได้
หากลูกหนี้มีค่าใช้จ่ายจำเป็นอื่นๆ ในครอบครัว เช่น ค่าเลี้ยงดูบุตร ค่าเลี้ยงดูบิดามารดา หรือค่ารักษาพยาบาลโรคประจำตัว สามารถนำหลักฐานไปขอลดหย่อนที่สำนักบังคับคดี เพื่อให้ลดเปอร์เซ็นต์การอายัดเงินเดือนได้ โดยการยื่นเป็นคำร้องขอลดอายัด เจ้าพนักงานพิจารณาลดอายัดเงินได้ไม่เกินกึ่งหนึ่ง เช่น เงินเดือน 30,000 บาท ถูกอายัด 10,000 บาท เจ้าพนักงานบังคับคดีสามารถลดให้ได้ 5,000 บาท หากต้องการให้ลดยอดอายัดมากกว่านี้ ก็จะต้องใช้สิทธิทางศาล โดยการยื่นคำร้องคัดค้านคำสั่งเจ้าพนักงานบังคับคดีภายใน 15 วันนับแต่วันที่ทราบคำสั่ง
บทความที่เกี่ยวข้อง