ออนซอน สิงห์ภูธร

โดย สิริพร สงบธรรม จังตระกุล เลขาธิการสมาคมส่งเสริมผู้ลงทุนไทย
Phuthorn banner 1200x660
Highlight

การทำธุรกิจในพื้นที่หัวเมือง มักเป็นธุรกิจครอบครัว เป็นตระกูลดัง จากรุ่นอากงถึงรุ่นลูก ขยับตัว เมื่อได้รับการศึกษา ทั้งในระดับอุดมศึกษา หรือจากต่างประเทศ จึงมองเห็นโอกาสในการทำงาน การขยายกิจการ รวมถึงการระดมทุน นอกเหนือไปจากทุนของครอบครัว หรือจากสถาบันการเงิน-เงินกู้จากแบงค์ และเติมมืออาชีพเข้ามาร่วมทำงาน จนถึงระยะของรุ่นหลานที่เข้ามารับช่วงต่อ พวกเขามองเห็นภาพของกิจการอย่างชัดเจน หากลูกหลานไม่รับช่วงต่อ การเป็นบริษัทมหาชนย่อมมีทางออก ทางเลือกของอนาคตได้อย่างสบายใจ

“ออนซอน” เป็นภาษาอีสาน แปลความว่า รู้สึกประทับใจ ปลื้มปริ่ม ชอบใจเป็นอย่างมาก 

กรุงเทพมหานคร เมืองหลวง เป็นศูนย์รวมทุกสรรพสิ่ง แต่ย่อมมีข้อแม้ในสิ่งที่เป็นข้อยกเว้น บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยก็เช่นกัน

พบว่า มีบริษัทจากพื้นที่หัวเมือง เข้ามาจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ กระจายตัวไปในหลายจังหวัด จึงเกิดอาการปลื้มปริ่ม ออนซอน ว่า “สิงห์ภูธร” ก็มีโอกาสเติบโต เมื่อมีความพร้อม

ก่อนหน้านี้ การประชุมสามัญผู้ถือหุ้นของบริษัทจดทะเบียนจากหัวเมือง มักเข้ามาจัดประชุมในกรุงเทพมหานคร แต่ภายหลัง เริ่มที่จะหันกลับไปจัดการประชุมที่สำนักงานในพื้นที่จังหวัดของตัวเอง เป็นการเชิญชวนให้ผู้ถือหุ้นแวะไปเยี่ยมเยือนสำนักงานที่พวกเขาเป็นเจ้าของอีกด้วย

ในรอบการประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ปี 2566 มีบริษัทจดทะเบียน จำนวน 76 บริษัท กระจายตัวอยู่ใน 20 จังหวัด และส่วนใหญ่มักจัดประชุมแบบ Physical คือ พบกันตัวเป็นๆ มีทั้งผู้ถือหุ้นในพื้นที่นั้นๆ เข้าร่วมประชุม และมีผู้ถือหุ้นจากส่วนกลางเดินทางไปเข้าร่วมประชุมบ้าง ประปราย

76 บริษัทจดทะเบียนกระจายตัวอยู่ในเขตปริมณฑล ได้แก่ สมุทรปราการ สมุทรสาคร นนทบุรี ปทุมธานี จำนวน 45 บริษัท หรือราว 1 ใน 3

และยังมีกระจายในภาคต่างๆ ทั่วไทย อาทิ 
ภาคเหนือ : เชียงใหม่ เชียงราย  ลำปาง ภาคอีสาน : ขอนแก่น ร้อยเอ็ด อุบลราชธานี อุดรธานี มหาสารคาม
ภาคกลาง : นครปฐม พระนครศรีอยุธยา สระบุรี ภาคตะวันออก : ปราจีนบุรี ชลบุรี ระยอง ภาคใต้ : ตรัง สงขลา

การระดมทุนในตลาดทุน ส่งผลให้การเติบโตของกิจการเป็นไปอย่างก้าวกระโดด ทั้งยอดขาย สินทรัพย์ และการเป็นที่รู้จัก ได้รับการยอมรับจากลูกค้า คู่ค้า บางจังหวัดเป็นความปลาบปลื้มของจังหวัดให้หน้าบานทุกครั้งที่พูดถึง

การทำธุรกิจในพื้นที่หัวเมือง มักเป็นธุรกิจครอบครัว เป็นตระกูลดัง จากรุ่นอากงถึงรุ่นลูก ขยับตัว เมื่อได้รับการศึกษา ทั้งในระดับอุดมศึกษา หรือจากต่างประเทศ จึงมองเห็นโอกาสในการทำงาน การขยายกิจการ รวมถึงการระดมทุน นอกเหนือไปจากทุนของครอบครัว หรือจากสถาบันการเงิน-เงินกู้จากแบงค์ และเติมมืออาชีพเข้ามาร่วมทำงาน จนถึงระยะของรุ่นหลานที่เข้ามารับช่วงต่อ พวกเขามองเห็นภาพของกิจการอย่างชัดเจน หากลูกหลานไม่รับช่วงต่อ การเป็นบริษัทมหาชนย่อมมีทางออก ทางเลือกของอนาคตได้อย่างสบายใจ 

ตัวอย่างที่มีให้พบเห็น และข่าวสารที่ถึงกัน จึงมีอีกหลายครอบครัวเริ่มขยับที่จะเดินเข้าหาตลาดทุน และยังไม่รวมคนรุ่นใหม่ที่ลุกขึ้นมา “ตามฝัน” ตามแรงบันดาลใจที่จะมีเส้นทางอาชีพแบบตั้งใจ และรู้จักการหยิบฉวยโอกาสดีของชีวิต สิ่งแวดล้อมที่เอื้ออำนวยจากนโยบายของภาครัฐ จากแนวโน้มของธุรกิจโลก

นักลงทุนจึงมีโอกาสในการเลือกลงทุน และมีส่วนในการสนับสนุนธุรกิจใหม่ๆ ในโลกของการลงทุน ที่อาจไม่ต้องการผลตอบแทนสูงสุด แต่เป็นการแบ่งปัน กระจายโอกาส ลดความเหลื่อมล้ำ สิ่งๆเล็ก ก็เป็นสิ่งยิ่งใหญ่ได้เสมอ……..

30 เมษายน ปิดฤดูกาลการประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ประจำปี 2566 อย่างเป็นทางการแล้ว เป็นการเล่าถึงผลการดำเนินงานในรอบปี 2565 ที่ผ่านมา สู่กันฟัง และก้าวเดินในปี 2566 อย่างระมัดระวัง บนความไม่แน่นอนของโลกใบเดิมที่ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป……



บทความที่เกี่ยวข้อง