SET Social Impact สร้างอาชีพ สร้างชีวิต สร้างสุข

บริษัท ลิฟวิ่ง วิสาหกิจเพื่อสังคม จำกัด เป็นกิจการเพื่อสังคมที่มีเป้าหมายหลักในการพัฒนาสุขภาวะของผู้ป่วยจิตเวชอย่างรอบด้านทั้งทางร่างกาย จิตใจ สังคม สิ่งแวดล้อม การงาน รวมถึงการเงิน

คุณศิริพร เชี่ยววัฒนากุล ผู้ก่อตั้ง บริษัท ลิฟวิ่ง วิสาหกิจเพื่อสังคม จำกัด เล่าว่าปัจจุบันคนไทยจำนวนมากมีปัญหาสุขภาพจิตและป่วยด้วยโรคจิตเวช หลายคนไม่สามารถทำบทบาทของตนเองได้ตามปกติ บางคนเริ่มป่วยตั้งแต่วัยเรียนไม่สามารถเรียนต่อได้ บางคนไม่สามารถทำงานได้ ไม่มีอาชีพ กลายเป็นปัญหาใหญ่ของสังคมไทย ผู้ป่วยส่วนใหญ่วนเวียนเข้า-ออกโรงพยาบาลอยู่ตลอดเวลา แม้การรักษาด้วยยาจะดีขึ้น แต่การฟื้นฟูและการพัฒนาสุขภาวะยังขาดอยู่มาก ต้องอาศัยผู้มีประสบการณ์ ครอบครัว สังคม ช่วยกันอย่างจริงจัง อย่างน้อยคือช่วยกันเปลี่ยนทัศนคติหรือต้องเข้าใจก่อนว่าโรคนี้มีความหวังจะหายได้

ดังนั้น ที่ ลิฟวิ่ง จึงไม่ใช่สถานพยาบาลในการบำบัดรักษา แต่เน้นการฝึกทักษะ ดึงจุดแข็งของผู้ป่วยแต่ละคนให้แสดงออกมาผ่านการทำงาน ผ่านกิจกรรม ผ่านคลาสเรียนต่าง ๆ เช่น ศิลปะบำบัด, Illness Management and Recovery (IMR) หรือการสื่อสารเพื่อสานสัมพันธ์ นอกจากนี้ ยังมีการฝึกอบรมอาชีพ โดยที่เรามีโครงการ Living Together สร้างอาชีพ สร้างชีวิต ได้รับการสนับสนุนจาก SET Social Impact ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย อบรมทำอาหาร ทำเบเกอรี่ อบรมศิลปะ อบรมเรื่องการทำเกษตร ทำให้เขารู้สึกว่าตนเองมีคุณค่า มีเป้าหมายในชีวิต เพราะสิ่งที่เขาเรียนรู้ไม่ใช่เพียงทักษะการประกอบอาชีพ แต่ยังเป็นทักษะชีวิตด้วย

ทั้งนี้ ลิฟวิ่ง มีหลักสำคัญอยู่ 5 ข้อ ได้แก่ 1.) ทุกคนมีคุณค่า มีสิทธิ์ มีเสียง ทุกเสียงมีความหมาย เราเคารพซึ่งกันและกัน 2.) ทุกคนมีความฝัน เราเคารพและสนับสนุนการให้เพื่อนลงมือทำตามความฝันด้วยตนเอง 3.) ความเจ็บป่วยเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต เรายอมรับและสนับสนุนการให้คืนสู่สุขภาวะ 4.) เราเชื่อมั่นจุดแข็งของทุกคนว่าสามารถพัฒนาจนเป็นที่ไว้วางใจ แม้เขาจะยังไม่เชื่อมั่นในตัวเอง 5.) เราไวต่อความรู้สึกของตนเองและเพื่อน เราจึงสื่อสารกันแบบใจถึงใจ มีอะไรก็พูดกันตรง ๆ แล้วก็ช่วยกันแก้ปัญหา

อย่างไรก็ดี ในความเป็นกิจการเพื่อสังคมมีความยากอยู่ เช่น “การสื่อสาร” ที่จะบอกให้คนในสังคมได้เข้าใจว่า ลิฟวิ่ง ทำอะไร ภารกิจและเป้าหมายของเราคืออะไร จะเชื่อมโยงกับธุรกิจกับสังคมได้อย่างไร อีกเรื่องหนึ่งคือ “เงินทุน” เพราะในการพัฒนาสุขภาวะต้องใช้เงินทุนจำนวนมาก แต่ที่ผ่านมาได้รับความช่วยเหลือจากผู้ที่ร่วมกันก่อตั้งวิสาหกิจเพื่อสังคม ทำให้เราก้าวข้ามผ่านอุปสรรคนี้มาได้ ทั้งทางด้านวิชาความรู้ การจัดการ การประชาสัมพันธ์ ตลอดจนเงินทุนต่าง ๆ ที่สามารถทำให้เราทำโครงการต่าง ๆ ลุล่วงไปได้ อย่างทางตลาดหลักทรัพย์ฯ อบอุ่นมาก รู้สึกว่าเขาอยากแก้ไขปัญหาสังคมจริง ๆ โดยเฉพาะด้านจิตเวช เขาตั้งใจแก้จริง ๆ แล้วทีมงานทั้งทีมอบอุ่นและเป็นมิตร เรารู้สึกถึงความเชื่อมโยง รู้สึกถึงความเท่าเทียมกันจริง ๆ

หลังจากนี้ เราอยากจะเห็นการคืนสุขภาวะกับผู้ป่วยจิตเวชเป็นเรื่องหลัก หลังจากนั้นคือการเชื่อมโยงกับที่อื่น เชื่อมโยงในสังคมที่กว้างขึ้นอย่างยั่งยืน แม้ไม่ใช่ธุรกิจที่ใหญ่โตอะไร ก็ขอให้เป็นต้นแบบ เป็นโมเดล เป็นความหวังของผู้ป่วยทั้งหมด

จริง ๆ เราเป็นภาคสังคมมาทำธุรกิจ รู้สึกว่ามันยาก แต่ถ้าภาคธุรกิจมาทำสังคม เราคิดว่านั่นคือตัวเชื่อมที่ดีมาก ๆ อย่างที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ ทำทุกวันนี้ เรารู้สึกชื่นใจ แล้วเห็นความเป็นไปได้ที่มันจะเกิดขึ้นจริง ๆ ในการแก้ปัญหาสังคม