ทันโลก ทันเทคโนโลยี ทันการณ์ เพื่อสร้างตลาดทุนที่โปร่งใสและยั่งยืน

50 ปี ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ผ่านทั้งช่วงเวลาที่ดีและไม่ดี เก็บเกี่ยวประสบการณ์จากการถอดบทเรียนและวางแผนเพื่อให้พร้อมสำหรับก้าวต่อไปสู่ "ตลาดทุนแห่งอนาคต"

ที่ผ่านมาตลาดหลักทรัพย์ฯ มีแนวทางชัดเจนผ่านวิสัยทัศน์ "พัฒนาตลาดทุนเพื่อทุกคน" โดยมุ่งพัฒนากระบวนการทำงานอย่างต่อเนื่องเพื่อเป็นศูนย์กลางการซื้อขายที่มีประสิทธิภาพ โปร่งใส มีการสร้างสรรค์สินค้าและบริการตอบสนองความต้องการของนักลงทุนอย่างหลากหลาย และมีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนการพัฒนาตลาดทุนระยะยาว มีการบ่มเพาะบุคลากรให้มีความรู้สอดรับกับการเปลี่ยนแปลงในโลกการลงทุน รวมทั้งปลูกฝังแนวคิดการดำเนินธุรกิจและพัฒนาองค์ความรู้ที่มีคุณค่าภายในองค์กร

ในระยะหลังมีการเปลี่ยนแปลงทางการเงินโลกและเทคโนโลยีอย่างก้าวกระโดด ปัญหาภูมิรัฐศาสตร์เป็นความท้าทายที่กระทบตลาดทุนทำให้มีความซับซ้อนและความไม่แน่นอนสูงขึ้น ส่งผลกระทบต่อบรรยากาศการลงทุนและความเชื่อมั่นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้  ตลาดหลักทรัพย์ฯ จึงต้องปรับเปลี่ยนการทำงานอย่างรวดเร็วและทันการณ์ ตัวอย่างหนึ่งคือ ตลาดหลักทรัพย์ฯ เป็นกลไกสำคัญในการสร้างโอกาสให้บริษัทจดทะเบียนขยายตัวเป็นบริษัทข้ามชาติขนาดใหญ่ เปิดโอกาสให้บริษัทขนาดกลางและเล็กระดมทุน ให้เครื่องมือทางการเงินใหม่ๆ และส่งเสริมนักลงทุนให้มีทางเลือกในการลงทุนและได้รับผลตอบแทนที่ดี สร้างกลไกความโปร่งใสและความยั่งยืนด้าน ESG

เรื่องสำคัญที่เป็นแกนกลางคือ "ความเชื่อมั่นและความไว้วางใจ" ซึ่งเกิดขึ้นได้หากการบังคับใช้กฎหมายมีประสิทธิภาพ ต้องทำงานแบบบูรณาการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ออกหรือแก้ไขกฎหมายให้ทันเหตุการณ์ เพื่อเอาผิดและเพิ่มบทลงโทษผู้กระทำผิด โดยเฉพาะปัญหาการฉ้อฉลที่ซับซ้อนขึ้น การบังคับใช้กฎหมายต้องรวดเร็ว ชัดเจน และเด็ดขาด เร่งผลักดันมาตรการกำกับดูแล เช่น Program Trading, HFT, Short Selling และพัฒนาแพลตฟอร์มข้อมูลกลางตลาดทุนไทย เช่น Central Platform

ตลาดหลักทรัพย์ฯ ต้องแสวงหาโอกาสจากความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีมาขับเคลื่อนตลาดทุนให้ทันท่วงที การใช้เทคโนโลยี AI จะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญให้ทุกคนเข้าถึง "ตลาดทุนแบบดิจิทัล" ได้ง่ายขึ้น เช่น การใช้ AI สำรวจงบดุลของบริษัทจดทะเบียน ระบบแจ้งเตือนสิ่งผิดปกติของหุ้นที่อาจเกิดปัญหา วิเคราะห์พฤติกรรมและความต้องการลงทุนของนักลงทุนประเภทต่าง ๆ นำไปสู่การพัฒนาสินค้าและบริการการลงทุนใหม่ในรูป Digital Assets สิ่งเหล่านี้จะช่วยสร้างความเชื่อมั่น สร้างบรรยากาศการลงทุนที่ดี และดึงดูดเงินลงทุนเข้าสู่ตลาดทุนไทยมากขึ้น รวมถึงการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่จะสร้างความน่าสนใจให้ตลาดทุนไทย เช่น การตั้งกองทุนรวมเยาวชนที่ผู้ปกครองซื้อลงทุนให้ลูกหลานและขายได้เมื่อลูกหลานอายุ 18 ปี และนำมาลดหย่อนภาษีได้ กองทุนรวมสำหรับผู้สูงวัยที่สะสมเงินเข้ากองทุนหลังจากเกษียณแล้ว สามารถทยอยเบิกเงินไปใช้จ่ายในชีวิตประจำวันได้ทุกเดือน รวมถึงการพัฒนาผลิตภัณฑ์อื่น ๆ พวกตราสารหนี้ หุ้นกู้ ESG, ESG Fund, Digital Assets และการนำ Carbon Credit มาใช้ให้เห็นผล

ขณะที่การสร้างองค์ความรู้ด้านการเงิน (Financial Literacy) เพื่อให้ประชาชนมีความรู้ทางการเงินการลงทุน ซึ่งเป็นบทบาทที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ ทำมาโดยตลอด ควรมีการพัฒนาเนื้อหาให้ทันกับเหตุการณ์และยุคสมัยที่เปลี่ยนไป

ตลาดทุนแห่งอนาคตจะเกิดขึ้นและเป็นจริงได้ บุคลากรของตลาดหลักทรัพย์ฯ มีส่วนสำคัญยิ่งในก้าวต่อไป ดังนั้น พนักงาน ผู้บริหาร และคณะกรรมการของตลาดหลักทรัพย์ฯ จะต้องปรับเปลี่ยนความคิด โดยการเรียนรู้สิ่งใหม่ Reskill และ Upskill ภายในองค์กร และแสวงหาความร่วมมือกับหน่วยงานอื่นเพื่อรองรับความเปลี่ยนแปลงให้ตลาดหลักทรัพย์ฯ สามารถก้าวสู่ทศวรรษใหม่ได้อย่างเข้มแข็งและมั่นคง กลายเป็นองค์กรที่มีความแข็งแกร่งและยืดหยุ่น ภายใต้สถานการณ์ความท้าทายในอนาคต คนตลาดหลักทรัพย์ฯ จึงต้องทันโลก ทันเทคโนโลยี ทันการณ์ เพื่อสร้างตลาดทุนที่โปร่งใสและยั่งยืน