นักลงทุนต่างชาติ ถือเป็นผู้เล่นหลักในตลาดหุ้นไทย ด้วยส่วนแบ่งมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันที่สูงถึง กว่า 50% จึงมีน้ำหนักกับความเคลื่อนไหวของดัชนี เมื่อนักลงทุนต่างชาติมีการขยับไม่ว่าจะ “ซื้อ” หรือ “ขาย” ย่อมมีผลกับภาพรวมตลาดหุ้นด้วย
โดยเฉพาะในปี 2566 ที่ผ่านมา เศรษฐกิจสหรัฐฯ ฟื้นตัวดีกว่าที่กองทุนการเงินระหว่างประเทศคาดการณ์ไว้และธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือ เฟด ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้เงินทุนต่างชาติไหลออกจากตลาดหุ้นในหลายประเทศ และไหลกลับเข้าพันธบัตรสหรัฐ และไทยก็ได้รับผลกระทบ
ส่งผลให้นักลงทุนต่างชาติมีการปรับพอร์ต ขายสุทธิ 192,083 ล้านบาท มากที่สุดในรอบ 3 ปีที่ผ่านมา แรงขายดังกล่าวสร้างความกังวลให้กับนักลงทุนอย่างมากว่าต่างชาติจะทิ้งหุ้นไทยหรือไม่ ประเทศไทยหมดเสน่ห์แล้วหรือเปล่า แต่ในความจริงกลับเป็นทางตรงกันข้าม แม้แรงขายจะมีปริมาณมากแต่สัดส่วนการถือครองหุ้นไทยของนักลงทุนต่างชาติ กลับไม่ลดลง !!
ข้อมูลของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย รายงานความเคลื่อนไหวของนักลงทุนต่างชาติกับตลาดหุ้นไทย โดยพบว่า ในปี 2566 นักลงทุนต่างชาติ มีบทบาทในตลาดหุ้นไทยมากขึ้น จากมูลค่าการซื้อขายหุ้นไทยรวมกันสูงถึง 13.13 ล้านล้านบาท หรือ คิดเป็น 2.5 เท่า ของมูลค่าการถือครองหุ้นของนักลงทุนต่างชาติทั้งหมด
โดย ณ สิ้นปี 2566 นักลงทุนต่างชาติมีมูลค่าการถือครองหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และ ตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ รวมกัน อยู่ที่ 5.11 ล้านล้านบาท ลดลงจากปี 2565 ที่ 6.03 ล้านบาท หรือลดลง 15.3%
การปรับตัวลดลงของมูลค่าการถือครองน่าจะเป็นผลมาจากภาวะตลาดหุ้นที่ปรับตัวลดลง โดยดัชนีตลาดหุ้นไทย ที่ปรับตัวลดลงจาก 1,669 จุด ณ สิ้นปี 2565 มาอยู่ที่ 1,416 จุด หรือ ลดลง 15.2% อยู่ในระดับเดียวกับมูลค่าหุ้นที่ลดลง
แม้มูลค่าการถือครองของหุ้นลดลง แต่ที่สัดส่วนมูลค่าการถือครองของนักลงทุนต่างชาติ ไม่ได้ลดลงตามไปด้วย โดยจากการข้อมูล พบว่า นักลงทุนต่างชาติมีสัดส่วนการถือครองหุ้นในตลาดหลักทรัพย์อยู่ในระดับที่ทรงตัว โดยในปี 2566 มีสัดส่วนการถือครองหุ้นทั้งหมดอยู่ที่ 29.39% อยู่ในระดับเดียวกับปีก่อนหน้าที่ 29.62% หากพิจารณาหลักทรัพย์ในการถือครอง พบว่า นักลงทุนต่างชาติมีหลักทรัพย์ในการถือครองเพิ่มขึ้น โดย ณ สิ้นปี 2566 นักลงทุนต่างชาติ ถือครองหุ้นของ 832 หลักทรัพย์ เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ 803 หลักทรัพย์
นักลงทุนต่างชาติเข้าถือหุ้นในบริษัทจดทะเบียนไทยเพิ่มขึ้นถึง 48 หลักทรัพย์ โดยเป็นการเข้าถือหุ้นในบริษัทที่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ครั้งแรก หรือ IPO ถึง 43 หลักทรัพย์ ส่วนอีก 5 หลักทรัพย์ เป็นการซื้อขายหุ้นที่จดทะเบียนที่ซื้อขายหุ้นไทยอยู่แล้ว
ซึ่งสอดคล้องกับข้อมูลการขายสุทธิของนักลงทุนต่างชาติ ที่ขายสุทธิใน local shares และ NVDR รวมกว่า 196,455 ล้านบาท เพื่อทำกำไรในระยะสั้น แต่มีแรงซื้อสุทธิกลับมาในส่วนของ foreign shares สูงถึง 3,373 ล้านบาทเพื่อวัตถุประสงค์ในการลงทุนระยะยาว
อย่างไรก็ตาม จากข้อมูลทั้งหมด สะท้อนว่าเงินที่ไหลออกจากตลาดหุ้นไทยเป็นการทำกำไรระยะสั้น ส่วนเงินลงทุนระยะยาวยังอยู่ในตลาดหุ้นไทย ดังนั้น อาจกล่าวได้ว่า ตลาดหุ้นไทยไม่ได้อยู่นอกสายตาของนักลงทุนต่างชาติและพร้อมที่จะเข้ามาลงทุน หากมีหุ้นปัจจัยพื้นฐานที่ดีและมีการเติบโตที่ยั่งยืน
อ่าน SET Note ฉบับเต็ม >> คลิกที่นี่
“SET…Make it Work for Everyone”
บทความที่เกี่ยวข้อง