ผลการเลือกตั้ง ส.ส. เมื่อ 14 พฤษภาคม 2566 กลุ่มพรรคฝ่ายค้านเดิมได้คะแนนรวมกัน 309 เสียง นำโดยพรรคก้าวไกล 152 เสียง เป็นอันดับหนึ่ง และพรรคเพื่อไทย 141 เสียง ตามติดมาเป็นอันดับสอง เมื่อรวมกับพรรคร่วมอื่นๆ เพื่อเสนอตัวนายก ขณะที่ผมเขียนต้นฉบับ ได้ยอด 313 เสียง ซึ่งถือว่าสูงมาก
อย่างไรก็ตาม การที่รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน กำหนดให้การโหวตเลือกนายกฯ ต้องใช้เสียงเกินกึ่งหนึ่งของสภาผู้แทนราษฎรรวมกับวุฒิสภาที่มีอีก 250 เสียง รวมกันเป็น 750 เสียง จึงต้องการเสียงรวมกันถึง 376 เสียง กลายเป็นขาดเสียงอีก 63 เสียง
ทางด้าน ส.ว. นั้น ขณะที่ผมเขียนอยู่ มีผู้แสดงท่าทีจะโหวตให้ประมาณ 19 เสียง แต่ก็มีผู้ที่จะไม่ออกเสียงซึ่งมีผลเท่ากับไม่โหวตให้อยู่จำนวนหนึ่ง ขณะที่ 200 กว่าเสียงไม่ได้ส่งสัญญาณใดออกมา ทำให้ผู้ลงทุนยังต้องลุ้นต่อไปว่า พรรคก้าวไกลจะเสนอให้คุณพิธาเป็นนายกฯ ได้สำเร็จหรือไม่ แล้วถ้าไม่สำเร็จ ใครหรือฝ่ายใดจะได้รวมเสียงมาเป็นนายกฯ กันแน่ ที่สำคัญคือ บรรดานโยบายเศรษฐกิจและนโยบายอื่นที่เรื่องสำคัญจะมาจากพรรคใด ในส่วนผสมนโยบายแบบไหน
นอกจากประเด็นข้างต้น ยังมีเรื่องค้างของการร้องว่าคุณพิธาถือหุ้นสื่อหรือไม่ รวมถึงการรอ กกต. ประกาศรับรองผลการเลือกตั้ง ซึ่งไม่ทราบว่าจะมีเสียงที่ถูกแขวนรอไว้เท่าใด
เรื่องทั้งหมดนี้ ดูเหมือนต้องใช้เวลายาวนานหลายเดือน กว่าจะได้ความชัวร์ทั้งหมด จึงเป็นเหตุให้หุ้นไทยหลังเลือกตั้งต้องไหลลงไปต่ำกว่า 1,500 จุด ซึ่งผิดคาดไปจากสถิติในอดีต ที่หุ้นมักจะขึ้นได้หลังจากเลือกตั้งจบ
ผมเห็นด้วยกับผู้ลงทุนในภาพที่ว่า การรวมเสียงเสนอคุณพิธาเป็นนายก จะยังมีความยากอีกหลายด่าน ด้วยเงื่อนไขและอุดมการณ์ ตลอดจนความเชื่อส่วนตัว ของพรรคการเมือง ของ ส.ว. และกลุ่มประชาชนฐานเสียง ที่ตรงกันบ้าง ต่างกันบ้าง
อย่างไรก็ตาม แม้จะยังมีความไม่ค่อยแน่นอน แต่ขอบเขตการได้ตัวนายกรัฐมนตรีนั้น น่าจะจำกัดวงอยู่ที่ 2 พรรคใหญ่ คือ พรรคก้าวไกล หรือถ้าพลาดไป ก็น่าจะเป็นพรรคเพื่อไทย และทั้งหมดนี้ไม่นานเกินรอ คือราวต้นสิงหาคม โอกาสที่จะพลิกไปจาก 2 พรรคนี้น่าจะมีน้อย
หากจากนี้ไปมี ส.ว. หรือพรรคการเมืองอื่นๆ ทยอยกันเปิดใจยอมโหวตให้เพิ่มขึ้น หรือจะสลับพรรคเพื่อไทยขึ้นมานำ รวมเสียงจนมีแนวโน้มว่าจะไปถึง 376 เสียงได้ การ Rebound ของหุ้นก็น่าจะเริ่มต้นโดยไม่ต้องรอไปจนครบ 376 จริงด้วยซ้ำไปครับ
นอกเหนือจากปัจจัยทางการเมืองแล้ว ผมคิดว่าปัจจัยอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนใน 3 เดือนข้างหน้า ก็ดำเนินไปในแนวทางที่ดีขึ้นตามกาลเวลา ทั้งการลดลงของภาวะเงินเฟ้อและราคาน้ำมัน (อีกทั้งรัฐบาลใหม่คงจะดำเนินการจัดแจงให้ค่าไฟฟ้าลดลงตามที่หาเสียงไว้) การที่อัตราดอกเบี้ยใกล้ถึงจุดสูงสุดแล้ว โดยน่าจะขึ้นอีกครั้งเดียว จึงไม่เป็นผลลบกับหุ้นมากนัก แต่เป็นการรอวงจรผลบวกจากการที่ดอกเบี้ยโลกจะลดลงในช่วงปลายปี นอกจากนั้นเศรษฐกิจไทยก็กำลังฟื้นตัว โดยมีแรงหนุนจากนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามามากขึ้น จนยอดรายเดือนเข้าใกล้ยุคก่อนโควิด
ส่วนกรณีความกังวลเรื่องที่สหรัฐฯ กำลังติดปัญหาเพดานหนี้นั้น ในที่สุดแล้ว ก็คงมีการแก้ไขขยายเพดานจากปัจจุบันที่ระดับ 31.4 ล้านล้านดอลลาร์ได้สำเร็จในเร็วๆ นี้
ดังนั้น ผมมองว่า การที่ดัชนีหุ้นไทยตกลงมาที่ 1,500 จุด น่าจะเป็นโอกาสของการเลือกซื้อลงทุน เพื่อรอการฟื้นตัวในช่วงไตรมาส 3 นี้ จากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของไทย และจากความเชื่อมั่นเมื่อการตั้งรัฐบาลใหม่สำเร็จในอีก 2 เดือนข้างหน้า โดยมีนโยบายสำคัญๆ ที่จะฟื้นเศรษฐกิจไทยให้เติบโตขึ้นอีกครั้ง
และหากเรายังไม่แน่ใจว่า นายกใหม่จะมาจากก้าวไกลหรือเพื่อไทย ผมชวนให้คุณผู้อ่านลองหยิบนโยบายช่วงหาเสียงของ 2 พรรคนี้มากางเทียบกัน จะพบว่ามีหลายนโยบายหลักที่คล้ายคลึงกัน ต่างกันแค่รายละเอียด ซึ่งน่าจะทำให้ เรามีความหวังที่จะเห็นระบบเศรษฐกิจไทยแข็งแรงขึ้นอย่างชัดเจน เช่น
เมื่อดูจากปัจจัยที่กล่าวทั้งหมดข้างต้น ผมมองว่า ที่หุ้นตกลงมาใกล้ 1,500 จุดแบบนี้ ระดับ PE ของตลาดฯ เมื่อเทียบกับประมาณการกำไรปี 2566 เฉลี่ยได้ PE ประมาณ 15.5 เท่า น่าจะเป็นโอกาสการเลือกลงทุนหมวดธุรกิจที่น่าจะได้ผลบวกจากนโยบายของรัฐบาลที่มีพรรคก้าวไกล และหรือพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำ ได้แก่ กลุ่มธนาคาร Finance ค้าปลีกและศูนย์การค้า ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม โรงแรม สนามบิน โรงพยาบาล
แต่กลุ่มที่ต้องระมัดระวัง ได้แก่ ธุรกิจสื่อสาร โรงไฟฟ้าและพลังงาน รับเหมาก่อสร้าง ที่อยู่อาศัย บริษัทที่เน้นการประมูลงานภาครัฐ ธุรกิจแฟชั่น (สิ่งทอ) เป็นต้น
ทั้งหมดนี้ ผู้ลงทุนควรติดตามอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจากบทวิเคราะห์ทางปัจจัยพื้นฐานของนักวิเคราะห์อย่างใกล้ชิด และติดตามว่าปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับการลงทุน โดยเฉพาะสถานการณ์การเมืองการตั้งรัฐบาล จะพลิกผันไปจากคาดการณ์หรือไม่ด้วยนะครับ
ท้ายนี้แนะนำช่องทาง IAA Consensus เพื่ออ่านบทวิเคราะห์ที่สมาคมนักวิเคราะห์ฯ ร่วมกับตลาดหลักทรัพย์ฯรวบรวมไว้กว่า 300 หุ้น ตาม Link นี้ https://www.settrade.com/th/research/iaa-consensus/main
บทความที่เกี่ยวข้อง