กำหนดการประชุมผู้ถือหน่วยลงทุน/ หน่วยทรัสต์ เรื่อง : กำหนดการประชุมผู้ถือหน่วยทรัสต์ ประเภทการประชุม : วิสามัญ วันที่แจ้งสารสนเทศ : 12 พ.ค. 2566 วันที่ประชุมผู้ถือหน่วย (แก้ไข) : 13 ก.ย. 2566 เวลาเริ่มประชุม (h:mm) : 11 : 00 วันกำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิเข้าร่วมประชุม (Record : 19 ก.ค. 2566 date) วันที่ไม่ได้รับสิทธิเข้าประชุม : 18 ก.ค. 2566 วาระการประชุมที่สำคัญ : - รายการที่เกี่ยวโยงกัน สถานที่ประชุม (แก้ไข) : ณ ห้องซีดีซี บอลรูม ซีดีซี คริสตัล ดีไซน์ เซ็นเตอร์ อาคาร อี ชั้น 2 เลขที่ 888 ถนนประดิษฐ์มนูธรรม แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ กรุงเทพมหานคร ______________________________________________________________________ รายการที่เกี่ยวโยงกัน 1. การเข้าลงทุนในทรัพย์สินที่จะลงทุนเพิ่มเติม ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติให้เข้าลงทุนทรัพย์สินเพิ่มเติมในพื้นที่บางส่วนของอาคาร โครงการ 111 ประดิษฐ์มนูธรรม โดยมีรายละเอียดดังนี้ รายละเอียด โครงการ 111 ประดิษฐ์มนูธรรม ประเภทโครงการ อาคารสำนักงาน ที่ตั้ง เลขที่ 111 และ 111/1 ถนนประดิษฐ์มนูธรรม แขวงลาดพร้าว เขตลาดพร้าว กรุงเทพมหานคร เจ้าของอาคาร บริษัท เค.อี. 111 จำกัด ("เค.อี. 111") เจ้าของที่ดินที่ตั้งโครงการ(1) บริษัท เคอี เบญจกิจ จำกัด ("เคอี เบญจกิจ") ผู้บริหารอสังหาริมทรัพย์ บริษัท เคอี พร็อพเพอร์ตี้ แมเนจเมนท์ จำกัด ("เคอี พร็อพเพอร์ตี้") พื้นที่เข้าลงทุนสุทธิ ประมาณ 19,954 ตารางเมตร พื้นที่ให้เช่า ประมาณ 10,611 ตารางเมตร โดยแบ่งเป็นส่วนของอาคารสำนักงานประมาณ 8,775 ตารางเมตร และ พื้นที่ค้าปลีกประมาณ 1,836 ตารางเมตร ลักษณะการลงทุน สิทธิการเช่าอาคารบางส่วนโครงการ 111 ประดิษฐ์มนูธรรม และกรรมสิทธิ์ในสังหาริมทรัพย์ อุปกรณ์ เฟอร์นิเจอร์ และงานระบบ วันเข้าลงทุน คาดการณ์ภายในเดือนตุลาคม 2566 ระยะเวลาการลงทุน 30 ปี นับตั้งแต่วันที่กองทรัสต์เข้าลงทุน มูลค่าการลงทุน ไม่เกิน 670 ล้านบาท (หกร้อยเจ็ดสิบล้านบาท) (ไม่รวมค่าธรรมเนียมการจดทะเบียน ภาษีมูลค่าเพิ่ม อากรแสตมป์ ค่าธรรมเนียม และค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง) ขนาดรายการเมื่อเทียบกับมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ(2) ร้อยละ 7.82 แหล่งเงินทุน มาจากการกู้ยืมเงินจากธนาคาร ในวงเงินไม่เกิน 670 ล้านบาท โดยคาดว่าจะมีหลักประกันดังนี้ 1. โครงการ 111 ประดิษฐ์มนูธรรม 2. โครงการ อมอรินี่ 3. โครงการ สัมมากร เพลส ราชพฤกษ์ (1) ปัจจุบัน เค.อี. 111 เช่าที่ดินจากเคอี เบญจกิจเพื่อใช้เป็นที่ตั้งอาคารโครงการ 111 ประดิษฐ์มนูธรรม โดย ณ วันที่กองทรัสต์เข้าลงทุน เค.อี. 111 และเคอี เบญจกิจจะเข้าทำสัญญาเช่าฉบับใหม่เพื่อให้ระยะเวลาการเช่าที่ดินครอบคลุมระยะเวลาการลงทุนของกองทรัสต์ (2) มูลค่าทรัพย์สินสุทธิ ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2566 เท่ากับ 8,571,549,401.57 บาท ทั้งนี้ ผู้จัดการกองทรัสต์มีความเห็นเกี่ยวกับการได้มาซึ่งทรัพย์สินสำหรับโครงการ 111 ประดิษฐ์มนูธรรม ที่กองทรัสต์จะเข้าลงทุนเพิ่มเติมว่ามีความเหมาะสมในการเข้าลงทุนเนื่องจากเป็นโครงการอาคารสำนักงานที่ตั ้งอยู่บนทำเลศักยภาพ ในย่านที่มีการเติบโตอย่างรวดเร็ว มีประชากรอาศัยอยู่หนาแน่น และยังตั้งอยู่ในทำเลที่ใกล้ศูนย์การค้า ย่านร้านอาหารมากมาย แหล่งรวมร้านอาหารเทรนด์ใหม่ ๆ ที่จะสามารถดึงดูดความต้องการเช่าพื้นที่ของผู้เช่าพื้นที่อาคารสํานักงานและผู้เช่าพื้นที่ค้าปลีก ซึ่งจะเพิ่มโอกาสในการเติบโตของค่าเช่าและค่าบริการของโครงการ 111 ประดิษฐ์มนูธรรมในอนาคต ก่อให้เกิดรายได้และสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับกองทรัสต์ อีกทั้งประกอบกับโครงการ 111 ประดิษฐ์มนูธรรมตั้งอยู่บนทำเลที่มีข้อจำกัดในการพัฒนาโครงการใหม่ที่สามารถเป็นคู่แข่งในอนาคตได้ โดยมีเคอี พร็อพเพอร์ตี้ ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ เป็นผู้บริหารอสังหาริมทรัพย์ปัจจุบัน และกองทรัสต์จะดำเนินการแต่งตั้งให้เข้าทำหน้าที่เป็นผู้บริหารอสังหาริมทรัพย์ เมื่อกองทรัสต์เข้าลงทุนแล้วเสร็จ ในการนี้ ผู้จัดการกองทรัสต์มีความประสงค์จะให้กองทรัสต์เข้าทำสัญญาตกลงกระทำการ และสัญญาบริการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับทรัพย์สินที่จะลงทุนเพิ่มเติมในครั้งนี้กับเคอี 111 และ/หรือ กลุ่มบุคคลเดียวกันกับเคอี 111 เพื่อการจัดหาประโยชน์ในทรัพย์สินที่จะลงทุนเพิ่มเติมของกองทรัสต์ ทั้งนี้ สารสนเทศการได้มาซึ่งทรัพย์สินของกองทรัสต์และการทำธุรกรรมกับบุคคลที่เกี่ยวโยงกันกับ ผู้จัดการกองทรัสต์ รวมถึงรายละเอียดของทรัพย์สินที่จะลงทุนเพิ่มเติมเป็นไปตามรายละเอียดในเอกสารแนบ 1 อย่างไรก็ดี การเข้าลงทุนในครั้งนี้ ผู้จัดการกองทรัสต์จะคำนึงถึงผลประโยชน์ของกองทรัสต์ และผู้ถือหน่วยทรัสต์เป็นสำคัญ โดยผู้จัดการกองทรัสต์ได้ดำเนินการแต่งตั้งที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ ได้แก่บริษัท บริษัท เบเคอร์ ทิลลี่ คอร์ปอเรท แอ็ดไวเซอรี่ เซอร์วิสเซส (ประเทศไทย) จำกัด เข้าทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาเพื่อดำเนินการศึกษาในประเด็นต่าง ๆ และให้ความเห็นเกี่ยวกับการเข้าลงทุนในทรัพย์สินที่จะลงทุนเพิ่มเติมดังกล่าว หมายเหตุ การเข้าลงทุนของกองทรัสต์สำหรับโครงการ 111 ประดิษฐ์มนูธรรม ซึ่งเป็นทรัพย์สินที่จะลงทุนเพิ่มเติม จะอยู่ภายใต้เงื่อนไขดังต่อไปนี้ (1) ผู้จัดการกองทรัสต์ได้รับมติอนุมัติจากที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ให้เข้าลงทุนในทรัพย์สินที่จะลงทุนเพิ่มเติม ทั้งนี้ ผู้จัดการกองทรัสต์ได้รับมติจากที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทของผู้จัดการกองทรัสต์เรียบร้อยแล้วเมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม 2566 (2) ไม่มีประเด็นคงค้างจากการตรวจสอบสถานะทางกฎหมาย หรือหากมีประเด็นกฎหมายใด ๆ (ซึ่งจะต้องไม่ใช่ประเด็นอันจะทําให้ทรัพย์สินที่จะลงทุนเพิ่มเติมมีลักษณะไม่เป็นไปตามกฎหมาย กฎ และประกาศที่เกี่ยวข้อง) ที่ยังคงค้างหรือไม่สามารถดําเนินการแก้ไขได้ ผู้จัดการกองทรัสต์จะเปิดเผยความเสี่ยงดังกล่าวไว้ในเอกสารเชิญประชุมผู้ถือหน่วยทรัสต์ และดําเนินการตามกฎเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง (3) ณ วันที่กองทรัสต์เข้าลงทุน ทรัพย์สินที่จะลงทุนเพิ่มเติมได้รับการปลดจํานอง และได้รับการยกเลิกหลักประกันอื่นใดบนทรัพย์สินที่จะลงทุนเพิ่มเติมดังกล่าว (ถ้ามี) (4) ทรัสตีได้รับรองว่าการลงทุนในทรัพย์สินที่จะลงทุนเพิ่มเติมของกองทรัสต์เป็นไปตามสัญญาก่อตั้งทรัสต์ รวมถึงกฎหมาย กฎ และระเบียบอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง และ (5) กองทรัสต์ได้รับอนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหน่วยทรัสต์ให้ลงทุนในทรัพย์สินที่จะลงทุนเพิ่มเติมโดยเป็น การเข้าทำรายการที่เกี่ยวโยงกันระหว่างกองทรัสต์กับบุคคลที่เกี่ยวโยงกันกับผู้จัดการกองทรัสต์ และดําเนินการอื่นใดที่เกี่ยวข้องเพื่อลงทุนในทรัพย์สินที่จะลงทุนเพิ่มเติมดังกล่าว โดยผู้จัดการกองทรัสต์จะดำเนินการขออนุมัติ ผู้ถือหน่วยทรัสต์ในวันที่ 13 กันยายน 2566 ตามวาระที่ 2 พิจารณาอนุมัติการเข้าลงทุนในทรัพย์สินที่กองทรัสต์จะลงทุนเพิ่มเติมสำหรับโครงการ 111 ประดิษฐ์มนูธรรม โดยเป็นการเข้าทำรายการที่เกี่ยวโยงกันระหว่างกองทรัสต์กับบุคคลที่เกี่ยวโยงกันกับผู้จัดการกองทรัสต์ สืบเนื่องจากการเข้าลงทุนในทรัพย์สินที่จะลงทุนเพิ่มเติมดังกล่าวข้างต้น ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติเห็นควรให้กองทรัสต์กู้เงินระยะยาวในวงเงินไม่เกิน 670 ล้านบาทเพื่อนำเงินกู้ยืมดังกล่าวไป (1) ใช้ลงทุนในทรัพย์สินที่จะลงทุนเพิ่มเติมและใช้เป็นค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนดังกล่าว ตามรายละเอียดข้างต้น และ (2) ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนของกองทรัสต์ และให้นำทรัพย์สินที่จะลงทุนเพิ่มเติม และทรัพย์สินของกองทรัสต์ที่มีอยู่เดิมทั้งหมดหรือบางส่วนไปเป็นหลักประกันที่เกี่ยวข้องกับการกู้ยืมเงิน ดังกล่าว โดยภายหลังการกู้ยืมเงินดังกล่าว ภาระหนี้เงินกู้ของกองทรัสต์จะมีจำนวนประมาณร้อยละ 30 ของมูลค่าทรัพย์สินรวมของกองทรัสต์ การกู้ยืมเงินและให้หลักประกันที่เกี่ยวข้องกับการกู้ยืมเงินของกองทรัสต์จะเป็นไปตามที่ผู้กู้และผู้ให้ก ู้อาจตกลงร่วมกันกำหนดในสัญญากู้ยืมเงิน บริษัทฯ ขอสงวนสิทธิในการกำหนดหลักเกณฑ์หรือเงื่อนไขใด ๆ ของการกู้ยืม ตลอดจนดำเนินการธุรกรรมใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการกู้ยืมดังกล่าวตามความเหมาะสม รวมถึงหลักประกันในการกู้ยืมเงินครั้งนี้ได้แก่ (1) การจำนองทรัพย์สินของกองทรัสต์ (2) การสลักหลังกรมธรรม์ประกันภัยให้ผู้ให้กู้เป็นผู้รับผลประโยชน์และผู้เอาประกันภัยร่วมบนโครงการทั้งหมดที ่กองทรัสต์เข้าลงทุน (3) การจดทะเบียนสิทธิการเช่า และ/หรือ สิทธิเรียกร้อง และ/หรือ กรมธรรม์ประกันภัยเป็นหลักประกันภายใต้พระราชบัญญัติหลักประกันทางธุรกิจ (4) หลักประกันการกู้ยืมอื่น ๆ ตามที่ผู้กู้ ผู้ให้กู้อาจตกลงร่วมกันกำหนดเพิ่มเติมในสัญญากู้ยืมเงิน บริษัทฯ ขอสงวนสิทธิในการกำหนดรายละเอียด หลักเกณฑ์หรือเงื่อนไขใด ๆ รวมถึงหลักประกัน ของการกู้ยืมตลอดจนการเข้าทำธุรกรรมใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการกู้ยืมดังกล่าว โดยคำนึงถึงผลประโยชน์ของกองทรัสต์และผู้ถือหน่วยทรัสต์เป็นสำคัญ อาทิเช่น จำนวนเงิน อัตราดอกเบี้ย ระยะเวลาการกู้ยืมเงิน ระยะเวลาการชำระเงิน การเจรจาเข้าทำ ลงนาม จัดส่งเอกสารใด ๆ เกี่ยวกับการกู้ยืมเงิน รวมถึงการแต่งตั้ง และ/หรือ ถอดถอนผู้รับมอบอำนาจในการดำเนินการดังกล่าวข้างต้นเพื่อให้การดำเนินการดังกล่าวประสบผลสำเร็จ เงื่อนไขสำคัญของการกู้ยืมเงิน และการให้หลักประกันของกองทรัสต์จะปรากฏในการเปิดเผยข้อมูลในส่วนของการกู้ยืมเงินและการให้หลักประกันที่ เกี่ยวข้องของกองทรัสต์ต่อไป ______________________________________________________________________ สารสนเทศฉบับนี้จัดทำและเผยแพร่โดยบริษัทจดทะเบียนและบริษัทผู้ออกหลักทรัพย์ผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อการเผยแพร่ข้อมูลหรือเอกสารใดๆของบริษัทจดทะเบียนและบริษัทผู้ออกหลักทรัพย์ ต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเท่านั้น ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยไม่มีความรับผิดชอบใดๆ ในความถูกต้องและครบถ้วนของเนื้อหา ตัวเลข รายงานหรือข้อคิดเห็นใดๆ ที่ปรากฎในสารสนเทศฉบับนี้ และไม่มีความรับผิดในความสูญเสียหรือเสียหายใดๆ ที่อาจเกิดขึ้นไม่ว่าในกรณีใด ในกรณีที่ท่านมีข้อสงสัย หรือต้องการรายละเอียดเพิ่มเติม โปรดติดต่อบริษัทจดทะเบียนและบริษัทผู้ออกหลักทรัพย์ซึ่งได้จัดทำ และเผยแพร่สารสนเทศฉบับนี้