วันที่/เวลา 21 มิ.ย. 2566 20:07:00
SET News : คณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ฯ มีมติเห็นชอบแนวทางปรับปรุงเกณฑ์สำหรับ บจ. ใน SET และ mai ทั้งกระบวนการ ตั้งแต่ปรับคุณสมบัติ บจ. เข้าใหม่ให้มีความแข็งแกร่งขึ้น พร้อมยกระดับการกำกับดูแลเพื่อเพิ่มคุณภาพ บจ. เตรียมเปิดรับฟังความคิดเห็นไตรมาส 3 นี้
หลักทรัพย์ SET
แหล่งข่าว SET
ฉบับที่ 51/2566
21 มิถุนายน 2566
คณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ฯ มีมติเห็นชอบแนวทางปรับปรุงเกณฑ์สำหรับ บจ. ใน SET และ mai ทั้งกระบวนการ
ตั้งแต่ปรับคุณสมบัติ บจ. เข้าใหม่ให้มีความแข็งแกร่งขึ้น พร้อมยกระดับการกำกับดูแลเพื่อเพิ่มคุณภาพ บจ.
เตรียมเปิดรับฟังความคิดเห็นในไตรมาส 3 นี้
คณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ฯ มีมติเห็นชอบแนวทางให้ปรับ positioning
เพิ่มความแตกต่างของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) และตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ
(mai) เพื่อสนับสนุนบริษัทที่มีฐานะทางการเงินและผลการดำเนินงานแข็งแกร่ง
ให้สามารถใช้ประโยชน์จากตลาดทุนได้ พร้อมยกระดับการกำกับดูแลบริษัทจดทะเบียนให้เข้มข้นขึ้น
โดยปรับปรุงเกณฑ์เครื่องหมาย "C (Caution)" เกณฑ์เพิกถอน ตลอดจนเกณฑ์ Backdoor Listing
เพื่อเพิ่มคุณภาพบริษัทจดทะเบียน และดูแลผู้ลงทุน โดยจะเปิดรับฟังความเห็นจากผู้เกี่ยวข้องภายในไตรมาส 3
ปีนี้
นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า
ที่ประชุมคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ฯ ในวันนี้ (21 มิถุนายน 2566)
มีมติเห็นชอบแนวทางปรับปรุงหลักเกณฑ์สำหรับบริษัทจดทะเบียนใน SET และ mai ทั้งกระบวนการ
ซึ่งเป็นไปตามแผนกลยุทธ์ระยะ 3 ปี (2566-2568) ในการเพิ่มโอกาสการระดมทุนสำหรับธุรกิจทุกขนาด
และเพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น
ตั้งแต่การรับบริษัทจดทะเบียนที่มีความเข้มแข็งด้านฐานะการเงินและผลการดำเนินงานมากขึ้น
สอดรับกับที่ปัจจุบันมีตลาดหลักทรัพย์ไลฟ์เอ็กซ์เช้นจ์ (LiVEx) สำหรับธุรกิจ SMEs และ Startup
ที่ต้องการเติบโต อีกทั้งสอดคล้องกับขนาดและฐานะการเงินของบริษัทในไทยในปัจจุบัน
และแข่งขันได้กับตลาดหลักทรัพย์ต่างประเทศ
รวมทั้งการยกระดับการกำกับดูแลบริษัทจดทะเบียนให้เข้มข้นมากขึ้นเพื่อเพิ่มคุณภาพบริษัทจดทะเบียนและการดู
แลผู้ลงทุน
สรุปแนวทางการปรับปรุงเกณฑ์ ดังนี้
1. การ repositioning SET และ mai โดยปรับปรุงคุณสมบัติบริษัทจดทะเบียนตามเกณฑ์รับหลักทรัพย์ใน SET และ
mai ซึ่งจะเพิ่มกำไรเพื่อรองรับบริษัทที่มีความสามารถในการทำกำไรที่สูงขึ้น และเพิ่มส่วนของผู้ถือหุ้น
(Equity) เพื่อสะท้อนผลการดำเนินงานและฐานะการเงินที่แข็งแรงขึ้น โดยกำหนดทุนชำระแล้ว (Paid-up capital)
เริ่มต้นเท่ากัน เพื่อให้ส่วนของทุนมีความสอดคล้องกับลักษณะการประกอบธุรกิจ
และบริษัทผู้ระดมทุนสามารถใช้ประโยชน์จากตลาดทุนได้มีประสิทธิภาพสูงสุด
พร้อมทั้งเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นของผู้ถือหุ้นรายย่อย (Free Float) และการเสนอขายหุ้นแก่ประชาชน (Public
Offering) สำหรับบริษัทขนาดเล็กให้สูงขึ้น เพื่อดูแลสภาพคล่องในตลาดรอง
2. การยกระดับการกำกับดูแลบริษัทจดทะเบียน ได้แก่
2.1 เพิ่มการเตือนผู้ลงทุนด้วยเครื่องหมาย "C"
กรณีบริษัทมีฐานะการเงินหรือผลการดำเนินงานที่มีแนวโน้มลดลง เช่น
มีรายได้จากการดำเนินงานต่ำหรือขาดทุนต่อเนื่อง ผิดนัดชำระหนี้สถาบันการเงินหรือตราสารหนี้
และผู้สอบบัญชีไม่แสดงความเห็นต่องบการเงินในทุกกรณี
เนื่องจากบริษัทที่ปัญหาด้านฐานะการเงินมักตามมาด้วยการเปลี่ยนแปลงสำคัญ เช่น ผู้ถือหุ้นหรือธุรกิจ
หรือเป็นเป้าหมายของ Backdoor Listing รวมถึงอาจมีการซื้อขายหลักทรัพย์ที่ผิดไปจากสภาพปกติ
2.2 เพิ่มความเข้มงวดในการเพิกถอน
โดยคณะกรรมการจะพิจารณาเพิกถอนบริษัทที่ไม่สามารถแก้ไขเหตุเพิกถอนและย้ายกลับมาซื้อขายได้เมื่อครบกำหนดเ
วลา เพื่อให้มีบริษัทจดทะเบียนที่มีคุณภาพ อีกทั้งเพิ่มความเข้มข้นในการพิจารณาคุณสมบัติบริษัท Backdoor
Listing โดยสำนักงาน ก.ล.ต. จะร่วมพิจารณาคุณสมบัติของบริษัทเช่นเดียวกับกรณี IPO
เพื่อให้บริษัทที่เข้าจดทะเบียนไม่ว่าด้วยช่องทางใดมีคุณภาพใกล้เคียงกัน
ทั้งนี้ แนวทางการปรับปรุงเกณฑ์ข้างต้น เป็นการทำงานร่วมกันของตลาดหลักทรัพย์ฯ กับสำนักงาน ก.ล.ต.
ในการยกระดับการกำกับดูแลบริษัทจดทะเบียนทั้งกระบวนการ
เพื่อเพิ่มความเชื่อมั่นและความมีเสถียรภาพของตลาดทุน หลังจากนี้ ตลาดหลักทรัพย์ฯ
จะมีการรับฟังความคิดเห็นจากผู้เกี่ยวข้อง ก่อนเสนอคณะกรรมการ ก.ล.ต. เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบ
และจะทยอยประกาศใช้เกณฑ์ต่าง ๆ โดยคำนึงถึงระยะเวลาที่เหมาะสมต่อไป
"SET...Make it Work for Everyone"
______________________________________________________________________