รายงานสรุปการประเมินมูลค่าหุ้น โดย บริษัท เอส 14 แอดไวเซอรี่ จำกัด เพื่อประกอบการพิจารณาการจัดสรรหุ้นเพิ่มทุนของ AQให้บุคคลในวงจำกัด(PP) ไม่เข้าเงื่อนไขติด Silent Period บทสรุปผู้บริหาร ที่มาและวัตถุประสงค์ของการจัดทำรายงานการประเมินมูลค่ากิจการ บริษัท เอคิว เอสเตท จำกัด (มหาชน) ("AQ" หรือ "บริษัทฯ") มีความประสงค์ที่จะเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทฯ บริษัทฯ จึงได้แต่งตั้งบริษัท เอส 14 แอดไวเซอรี่ จำกัด ("S14" หรือ "ที่ปรึกษาฯ") ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินที่เป็นอิสระจากบริษัทฯให้ประเมินมูลค่ากิจการของบริษัทฯ รายงานการประเมินมูลค่ากิจการฉบับนี้จัดทำขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์ให้บริษัทฯ ทราบถึงมูลค่ากิจการ เพื่อใช้เป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาของคณะกรรมการบริษัทฯ เพื่อพิจารณาการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทฯ เท่านั้น ไม่สามารถนำรายงานฉบับนี้ไปใช้เพื่อประโยชน์อื่นใดนอกเหนือจากวัตถุประสงค์ดังกล่าวได้ ที่ปรึกษาฯ ได้ทำการประเมินมูลค่ากิจการโดยตั้งอยู่บนสมมติฐานว่า ข้อมูล เอกสาร และร่างเอกสารต่างๆ ที่ได้รับ ตลอดจนการสัมภาษณ์ผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องของบริษัทฯ เป็นข้อมูลที่สมบูรณ์ ครบถ้วน ถูกต้องและเป็นความจริง ตามสภาวะและข้อมูลที่สามารถรับรู้ได้ในปัจจุบัน ทั้งนี้หากมีการเปลี่ยนแปลงใดๆ อย่างมีนัยสำคัญ และ/หรือเกิดเหตุการณ์ใด และ/หรือข้อมูลไม่เป็นจริง อาจส่งผลกระทบอย่างมีนัยสําคัญต่อการดําเนินธุรกิจและประมาณการทางการเงินของบริษัทฯที่ปรึกษาฯ ไม่มีภาระผูกพันในการปรับปรุงให้เป็นปัจจุบัน ทบทวน หรือยืนยันรายงานการประเมินมูลค่ากิจการทั้งนี้ ที่ปรึกษาฯ ได้พิจารณาและศึกษาข้อมูลดังกล่าวด้วยความรอบคอบ และสมเหตุสมผลตามมาตรฐานของผู้ประกอบวิชาชีพพึงกระทำ การประเมินมูลค่ากิจการ ที่ปรึกษาฯได้ประเมินมูลค่ากิจการด้วยวิธีต่างๆ ได้แก่ วิธีมูลค่าตามบัญชี วิธีปรับปรุงมูลค่าตามบัญชี วิธีอัตราส่วนราคาหุ้นต่อมูลค่าตามบัญชี และวิธีรวมส่วนของกิจการ อย่างไรก็ตามที่ปรึกษาฯให้วิธีการประเมินมูลค่าหุ้นที่เหมาะสม คือ วิธีปรับปรุงมูลค่าทางบัญชี เพื่อทำการประเมินมูลค่ากิจการของ AQ เนื่องจากเมื่อทำการประเมินมูลค่าแล้ว วิธีนี้ได้ราคาสูงที่สุดประกอบกับบริษัทฯ ประกอบธุรกิจเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ ที่ปรึกษาฯมีความเห็นว่าวิธีนี้สามารถสะท้อนมูลค่าของกิจการได้เหมาะสมกว่าวิธีอื่นๆ โดยสามารถสรุปออกมาได้ดังนี้ สรุปการประเมินมูลค่ากิจการของ AQ วิธีการประเมินมูลค่า มูลค่า (ล้านบาท) ราคาประเมิน (บาทต่อหุ้น) วิธีการ / ความเห็น ความเหมาะสมของวิธีประเมินมูลค่ากิจการ 1. วิธีมูลค่าตามบัญชี (Book Value Approach) 192.03 0.02 ประเมินโดยใช้ข้อมูลตามงบการเงิน ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2559 ไม่เหมาะสม เนื่องจากมูลค่าตามบัญชีไม่ได้สะท้อนมูลค่าทรัพย์สินในปัจจุบัน 2. วิธีปรับปรุงมูลค่าตามบัญชี (Adjusted Book Value Approach) 460.83 0.04 ประเมินโดยใช้มูลค่าสินทรัพย์สุทธิตามบัญชี ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2559 ปรับปรุงด้วยมูลค่ายุติธรรมตามข้อมูลในรายงานการประเมินมูลค่าอสังหาริมทรัพย์โดยผู้ประเมินราคาอิสระ และมูลค่าความเสียหายตามคำพิพากษาคดีอาญา เหมาะสม เนื่องจากบริษัทประกอบธุรกิจเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ ที่ปรึกษามีความเห็นว่าวิธีนี้สามารถสะท้อนมูลค่าของกิจการได้เหมาะสมกว่าวิธีอื่นๆ 3. วิธีมูลค่าตามราคาตลาด ไม่สามารถประเมินได้ ไม่สามารถประเมินได้ ไม่สามารถคำนวณราคาหุ้นด้วยวิธีมูลค่ าตามราคาตลาดได้ เนื่องจากบริษัทฯ หยุดการซื้อขายหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์ฯ ตั้งแต่วันที่ 17 พฤศจิกายน 2558 ไม่เหมาะสม เนื่องจากไม่สามารถคำนวณมูลค่าหุ้นด้วยวิธีมูลค่าตามตลาดได้เนื่องจากบริษัทฯ หยุดการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ตั้งแต่วันที่ 17 พฤศจิกายน 2558 4. วิธีอัตราส่วนราคาหุ้นต่อกำไรสุทธิ (P/E) ไม่สามารถประเมินได้ ไม่สามารถประเมินได้ ไม่สามารถคำนวณราคาหุ้นด้วยวิธีมูลค่าตามราคาตลาดต่อกำไร สุทธิได้ เนื่องจากบริษัทฯ มีผลประกอบการขาดทุนสุทธิในรอบ 12 เดือนล่าสุด ไม่เหมาะสม เนื่องจากไม่สามารถคำนวณราคาหุ้นด้วยวิธีอัตราส่วนราคาหุ้นต่อกำไรสุทธิได้ เนื่องจากบริษัทฯ มีผลประกอบการขาดทุนสุทธิ ณ งบการเงิน ปี 2559 5. วิธีอัตราส่วนราคาหุ้นต่อมูลค่าตามบัญชี (P/BV) 380.24 0.03 ประเมินโดยใช้ค่าเฉลี่ยอัตราส่วนราคาหุ้นต่อมูลค่าตามบัญชี (P/BV) ของหุ้นในหมวดอสังหาริมทรัพย์ที่มีสัดส่วนรายได้หลักจากการประกอบธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์แนวราบและมีร ายได้จากการประกอบกิจการโรงแรมและรายได้จากการให้เช่าอสังหาริมทรัพย์และบริการอื่นๆซึ่งเป็นรายได้ต่อเนื ่อง (Recurring Income) ได้แก่ GOLD LH PF QH S UV โดยใช้ค่าเฉลี่ยของอัตราส่วน P/BV ในช่วงเวลา 7 วัน 14 วัน 30 วัน 60 วัน 180 วัน และ 270 วัน ไม่เหมาะสม เพราะมูลค่าตามบัญชีไม่ได้สะท้อนมูลค่าทรัพย์สินในปัจจุบัน 6. วิธีรวมส่วนของกิจการ (Sum of the Part) (103.08) (0.01) ประเมินโดยแบ่งวิธีประเมินตามประเภทของสินทรัพย์ได้แก่ - โครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อขายที่อยู่ระหว่างการพัฒนาและโรงแรม ประเมินโดยใช้วิธีมูลค่าปัจจุบันของกระแสเงินสดสุทธิ (Discounted Cash Flow Approach) - สินทรัพย์ประเภทที่ดินรอการพัฒนา ที่ดินเปล่าและสินทรัพย์ถาวรซึ่งเป็นออฟฟิศสำนักงาน ประเมินโดยใช้วิธีปรับปรุงมูลค่าตามบัญชี(Adjusted Book Value Approach) ซึ่งอ้างอิงมูลค่ายุติธรรมของรายงานประเมินมูลค่าอสังหาริมทรัพย์โดยผู้ประเมินราคาอิสระ ปรับปรุงด้วยมูลค่าความเสียหายตามคำพิพากษาคดีอาญา - สินทรัพย์ประเภทอื่นและหนี้สิน ประเมินด้วยวิธีมูลค่าตามบัญชี(Book Value Approach) เหมาะสม เนื่องจากเป็นการรวมมูลค่าของบริษัทฯ ต่างๆ ในกลุ่มโดยส่วนใหญ่คิดด้วยวิธีมูลค่าปัจจุบันของกระแสเงินสดสุทธิ ส่วนบริษัทที่ไม่มีการดำเนินธุรกิจหรือประกอบธุรกิจให้บริการให้กับบริษัทในเครือจะประมูลมูลค่ากิจการด้ว ยวิธีมูลค่าทางบัญชี และวิธีปรับปรุงมูลค่าหุ้นตามบัญชี มูลค่าเสียหายตามคำพิพากษา รายการ (ล้านบาท) จำนวนเงิน มูลค่าค่าเสียหายตามคำพิพากษา 10,004.47 บวก ค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่จำเป็นเพื่อให้สามารถขายที่ดินได้ตามสัญญาการจัดการทรัพย์สิน 122.22 บวก ค่าภาษีธุรกิจเฉพาะ (มูลค่าบังคับขาย) 191.40 บวก ค่าภาษีหัก ณ ที่จ่าย (มูลค่าบังคับขาย) 58.00 บวก ค่าใช้จ่ายในการโอน (ราคาประเมินที่ดินจากกรมที่ดิน) 110.61 หัก มูลค่าสุทธิที่คาดว่าจะขายได้ (มูลค่าบังคับขายสุทธิจากค่านายหน้าในการขาย)1 (5,800.00) ประมาณการค่าเสียหาย -สุทธิ2 4,686.70 หมายเหตุ: 1มูลค่าที่ดินดังกล่าวได้รับการประเมินราคาโดยบริษัท เอส.แอล. สแตนดาร์ด แอพไพรซัล จำกัด ซึ่งเป็นผู้ประเมินทรัพ์สินที่ได้รับความเห็นชอบจากสำนักงาน ก.ล.ต. โดยมีมูลค่าตามราคาประเมิน ณ เดือนเมษายน 2560 เท่ากับ 11,600 ล้านบาทและมูลค่าบังคับขายเท่ากับ 5,800 ล้านบาท ที่ปรึกษาฯ เลือกใช้ราคาบังคับขายเนื่องจาก ทางบริษัทฯ ให้ข้อมูลว่าทางคณะกรรมการบริษัทเห็นว่าการตั้งสำรองค่าเสียหายโดยใช้ราคายบังคับขายนั้นเหมาะสม เนื่องจากคณะกรรมการพิจารณาแล้วเห็นว่าไม่มีโอกาสที่จะขายที่ดินให้แก่ผู้สนใจโดยตรงได้โดยตรงซึ่งเป็นอุป สรรคมาจากด้านคดีความระหว่างธนาคารกรุงไทย ดังนั้นแนวทางในการขายที่ดินดังกล่าวจะเป็นการบังคับขายทอดตลาดเท่านั้น 2มูลค่าของค่าเสียหายที่บริษัทฯ จะต้องชดใช้จริงขึ้นอยู่กับความสามารถในการขายที่ดินหลักประกันดังกล่าวให้ได้ในราคาสุทธิตามที่บริษัทฯได ้ประมาณการไว้และการ์เด้นโฮมจะไม่ใช้สิทธิไล่เบี้ยต่อบริษัทฯ รายการปรับปรุงมูลค่าทางบัญชีสามารถสรุปได้ดังต่อไปนี้ มูลค่าตามบัญชีหลังปรับปรุง จำนวนเงิน (ล้านบาท) มูลค่าตามบัญชี ณ วันที่ 31 ธันวาคม 25591 2 192.03 ปรับปรุงรายการ : มูลค่าที่เพิ่มขึ้น (ลดลง) จากการประเมินมูลค่าสินทรัพย์3 349.18 ปรับปรุงรายการ : ค่าก่อสร้างเพิ่มเติมระหว่างวันที่ 31 ธันวาคม 2559 ถึงวันที่ประเมินมูลค่าสินทรัพย์4 (42.77) ปรับปรุงรายการ : ขาดทุนจากการซื้อขายสินทรัพย์ระหว่างกันในอดีต5 (37.60) มูลค่าบัญชีหลังปรับปรุง 460.83 จำนวนทุนที่ออกและชำระเต็มมูลค่าแล้ว (ล้านหุ้น) 12,674.68 มูลค่าตามบัญชีต่อหุ้น (บาทต่อหุ้น) 0.04 หมายเหตุ: 1. ที่ปรึกษาฯ ใช้งบการเงิน ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2559 เนื่องจากงบการเงินที่ทางบริษัทฯเผยแพร่กับสาธารณชนเป็นงบสิ้นสุด ณ.วันที่ 31 ธันวาคม 2559 ซึ่งผ่านการรับรองจากผู้สอบบัญชี ถึงแม้จะเป็นงบที่ผู้สอบบัญชีไม่แสดงความเห็นเนื่องจากการดำเนินงานต่อเนื่องขึ้นอยู่กับความสามารถของบริ ษัทฯ ในการชำระหนี้สินตามคำพิพากษาของศาลฎีกา ความสามารถในการเพิ่มทุนของบริษัท และผลการเจรจาไกล่เกลี่ยกับ KTB นอกจากนี้ยังมีประเด็นเกี่ยวกับมูลค่ายุติธรรมของสิทธิการเช่ามูลค่า 79 ล้านบาทซึ่งที่ปรึกษาฯ มีความเห็นว่ามีความเหมาะสมโดยการประเมินสิทธิการเช่าโดยวิธีกระแสเงินสดที่ใช้ในการพิจารณาประเมินมูลค่า ยุติธรรมของสิทธิการเช่า ซึ่งมีราคาประเมิน 79 ล้านบาท ทางบริษัทฯ ได้ว่าจ้างบริษัท ไนท์แฟรงค์ ชาร์เตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ประเมินมูลค่ายุติธรรม โดยบริษัทประเมินมูลค่าทรัพย์สินเป็นบริษัทที่ได้รับความเห็นชอบจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และ ตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ที่ปรึกษาฯ เชื่อว่าเป็นบริษัทประเมินที่เชื่อถือได้ มีความเป็นมืออาชีพ มีความเป็นอิสระ โดยใช้วิธีคิดกำไรจากค่าเช่า (Profit Rent Method) เสมือนว่าบริษัทฯ ให้เช่าที่ดินนี้ตามระดับราคาที่ให้เช่าตามท้องตลาดและนำมูลค่ากระแสเงินสดที่ได้จากค่าเช่ามาคิดลดกลับมา เป็นมูลค่าปัจจุบัน นอกจากประเด็นที่ได้กล่าวมา ตัวเลขในงบการเงินอื่นๆ นั้นผู้สอบบัญชีไม่ได้ติดประเด็นใดๆ 2. มูลค่าตามบัญชี ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2559 ได้รวมการตั้งสำรองความเสียหายของคดีอาญาไว้แล้วซึ่งประมาณค่าเสียหายสุทธิเท่ากับ 4,686.70 ล้านบาทคำนวณจากจากมูลค่าความเสียหายคดีอาญา 10,004.47 ล้านบาทบวกกับค่าใช้จ่ายอื่นๆ และนำมาลบกับมูลค่าที่ดินราคาบังคับขาย 5,800 ล้านบาท โดยที่ดินดังกล่าวได้รับการประเมินราคาโดยบริษัท เอส.แอล. สแตนดาร์ด แอพไพรซัล จำกัด ซึ่งเป็นผู้ประเมินทรัพย์สินที่ได้รับความเห็นชอบจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) โดยมีมูลค่าตามราคาประเมิน ณ เดือนเมษายน 2560 เท่ากับ 11,600 ล้านบาทและมูลค่าบังคับขายเท่ากับ 5,800 ล้านบาท ที่ปรึกษาฯ เลือกใช้ราคาบังคับขายเนื่องจาก ทางบริษัทฯ ให้ข้อมูลว่าคณะกรรมการบริษัทฯ พิจารณาแล้วเห็นว่าไม่มีโอกาสที่จะขายที่ดินให้แก่ผู้สนใจโดยตรงได้ซึ่งเป็นอุปสรรคมาจากด้านคดีความกับธน าคารกรุงไทย ดังนั้นแนวทางในการขายที่ดินดังกล่าวจะเป็นการบังคับขายทอดตลาดเท่านั้น 3. ราคาประเมินของทรัพย์สินจำนวน 37 รายการ จัดทำโดยบริษัท ไนท์แฟรงค์ ชาร์เตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด บริษัท เอส.แอล. สแตนดาร์ด แอพไพรซัล จำกัด บริษัท ซิมส์ พร็อพเพอร์ตี้ คอนซัลแทนท์ จำกัด และบริษัท เยนเนอรัล แวลูเอชั่น แอนด์ คอนซัลแตนท์ จำกัด ซึ่งเป็นผู้ประเมินมูลค่าทรัพย์สินที่ได้รับความเห็นชอบจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลัก ทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อวัตถุประสงค์สาธารณะโดยปฏิบัติงานด้วยความรอบคอบตามหลักมาตรฐานวิชาชีพ 4. เนื่องจากงบการเงินที่ใช้เป็นข้อมูล ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2559 แต่บริษัทฯ ได้มีการว่าจ้างผู้ประเมินราคาทรัพย์สินในเดือนมีนาคม 2560 ระหว่างนั้นบริษัทฯ ได้มีการจ่ายค่าก่อสร้างเป็นจำนวน 42.77 ล้านบาท เพื่อให้ทรัพย์สินมีมูลค่าตามราคาประเมิน ดังนั้นที่ปรึกษาฯจึงหักลบมูลค่าก่อสร้างจำนวนดังกล่าวออกจากมูลค่าตามราคาประเมิน 5. เนื่องจากในอดีต บริษัทฯ ได้มีการขายสินทรัพย์ให้กับบริษัทในกลุ่มในราคาต่ำกว่าทุนรวมทั้งสิ้นเป็นมูลค่า 37.60 ล้านบาท ที่ปรึกษาฯ ให้วิธีการประเมินมูลค่าหุ้นที่เหมาะสม คือ วิธีปรับปรุงมูลค่าทางบัญชี เพื่อทำการประเมินมูลค่ากิจการของ AQ เนื่องจากเมื่อทำการประเมินมูลค่าแล้ว วิธีนี้ได้ราคาสูงกว่าวิธีรวมส่วนกิจการ (Sum of The Part) ประกอบกับบริษัทฯ ประกอบธุรกิจเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ ที่ปรึกษาฯ มีความเห็นว่าวิธีนี้สามารถสะท้อนมูลค่าของกิจการได้เหมาะสมกว่าวิธีอื่นๆ ซึ่งเป็นวิธีที่มีมูลค่ากิจการของ AQ เท่ากับ 460.83 ล้านบาท หรือคิดเป็นราคาหุ้น AQ เท่ากับ 0.04 บาทต่อหุ้น (มูลค่าที่ตราไว้ 0.50 บาทต่อหุ้น) คณะกรรมการบริษัทเห็นว่า ราคาหุ้น 0.04 บาทต่อหุ้นตามรายงานสรุปข้างต้น เป็นราคาที่เหมาะสม และวิธีการประเมินก็เป็นไปตามมาตราฐานที่ปฏิบัติกันโดยทั่วไป ราคาประเมินที่ใช้สะท้อนถึงมูลค่ากิจการของบริษัท AQ ที่ใกล้เคียงกับปัจจุบันที่สุด ตามที่ชี้แจงข้างต้น ดังนั้นราคา 0.04 บาทใช้เป็นราคาเทียบเคียงราคาตลาด เนื่องจากหุ้น AQ ถูกพักการซื้อขายตั้งแต่วันที่ 17 พฤศจิกายน 2558 ตามหนังสือตลาดหลักทรัพย์เลขที่ บจ(ว) 17/2558 วันที่ 29 เมษายน 2558 เรื่อง การกำหนดระยะเวลาห้ามขายหุ้น(Silent Period) สำหรับการเสนอขายหุ้นหรือหลักทรัพย์แปลงสภาพต่อบุคคลในวงจำกัด เรื่องการกำหนด Silent Period สำหรับนักลงทุนที่ได้รับการจัดสรรหุ้นหรือหลักทรัพย์แปลงสภาพอื่นๆ แบบ PP ในราคาต่ำกว่าร้อยละ 90 ของราคาตลาด โดยกำหนดให้ราคาตลาด หมายถึง ราคาถั่วเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักของหุ้นที่มีการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ย้อนหลัง 7-15 วันทำการติดต่อกันก่อนวันแรกที่เสนอขายต่อผู้ลงทุนหรือก่อนวันที่มีการแปลงสภาพหลักทรัพย์หรือราคายุติธรร มของหุ้นที่ประเมินโดยที่ปรึกษาทางการเงินที่สำนักงาน ก.ล.ต.ให้ความเห็นชอบ ในกรณีที่หุ้นไม่มีการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ โดยเล่มประเมินลงวันที่ 11 กรกฎาคม 2560 และวันที่คณะกรรมการบริษัทมีมติให้จัดสรรหุ้นในบุคคลในวงจำกัด เมื่อวันที่ 11-14 และ 17-19 กรกฏาคม 2560 ตามลำดับในราคา 0.05 บาทต่อหุ้นซึ่งเป็นราคาที่สูงกว่าราคาเทียบเคียงราคาตลาด ดังนั้นหุ้นที่จัดสรรทั้งหมดจะไม่เข้าเงื่อนไขการติด Silent Period (นายสุทัศน์ จันกิ่งทอง) (นางสาวรัญชนา รัชตะนาวิน) กรรมการ กรรมการ ______________________________________________________________________ สารสนเทศฉบับนี้จัดทำและเผยแพร่โดยบริษัทจดทะเบียนและบริษัทผู้ออกหลักทรัพย์ผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อการเผยแพร่ข้อมูลหรือเอกสารใดๆของบริษัทจดทะเบียนและบริษัทผู้ออกหลักทรัพย์ ต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเท่านั้น ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยไม่มีความรับผิดชอบใดๆ ในความถูกต้องและครบถ้วนของเนื้อหา ตัวเลข รายงานหรือข้อคิดเห็นใดๆ ที่ปรากฎในสารสนเทศฉบับนี้ และไม่มีความรับผิดในความสูญเสียหรือเสียหายใดๆ ที่อาจเกิดขึ้นไม่ว่าในกรณีใด ในกรณีที่ท่านมีข้อสงสัย หรือต้องการรายละเอียดเพิ่มเติม โปรดติดต่อบริษัทจดทะเบียนและบริษัทผู้ออกหลักทรัพย์ซึ่งได้จัดทำ และเผยแพร่สารสนเทศฉบับนี้