ตามที่บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม บัวหลวง จำกัด ("บริษัทจัดการ") ในฐานะบริษัทจัดการของกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโรงไฟฟ้า ซุปเปอร์ เอนเนอร์ยี (SUPEREIF) ("กองทุนฯ") ได้เผยแพร่หนังสือที่ 2085/2568 เรื่อง การจัดประชุมผู้ถือหน่วยลงทุนครั้งที่ 1 ประจำปี 2568 ของกองทุนฯ และการกำหนดวัน Record Date ในเว็บไซต์ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ("หนังสือที่ 2085/2568") เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2568 ซึ่งมีหัวข้อวาระการประชุม ตลอดจนรายละเอียดของแต่ละวาระตามรายละเอียดที่แจ้งแล้วนั้น ในการนี้ บริษัทจัดการขอชี้แจงข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับที่มาของการกำหนดจำนวนเงินลงทุนในการเปลี่ยนแผงพลังงานแสงอ าทิตย์ที่เกิด Product Defect และ อุปกรณ์อื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง และค่าที่ปรึกษาทางเทคนิคและค่าที่ปรึกษากฎหมาย รวมตลอดจนค่าใช้จ่ายในการว่าจ้างผู้เชี่ยวชาญ และ/หรือ ผู้ผลิต เพื่อตรวจสอบการเปลี่ยนแผงพลังงานแสงอาทิตย์ที่เกิด Product Defect และอุปกรณ์อื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ไว้ไม่เกินจำนวนเงิน 100,000,000 บาท ในหน้า 8 ของหนังสือที่ 2085/2568 ดังนี้ 1. การคาดการณ์จำนวนเงินลงทุนในสัดส่วนร้อยละ 80 ที่กองทุนฯ ต้องใช้ในการเปลี่ยนแผงพลังงานแสงอาทิตย์ชนิด Thin Film ยี่ห้อ SHARP ซึ่งมีกำลังการผลิตรวมประมาณ 16.86 เมกะวัตต์ ในกรณีเลวร้ายที่สุด โดยคิดว่า แผงพลังงานแสงอาทิตย์ชนิด Thin Film ยี่ห้อ SHARP ที่เหลืออยู่ในทั้ง 6 โครงการ กำลังการผลิตรวมประมาณ 12.84 เมกะวัตต์ จะเกิดปัญหา Product Defect ตามมาทั้งหมดในอนาคต (ภายหลังจากเปลี่ยนแผงพลังงานแสงอาทิตย์ชนิด และยี่ห้อใหม่ เข้าไปทดแทนเพื่อแก้ไขปัญหา Product Defect ใน 4 โครงการเร่งด่วน ซึ่งมีกำลังการผลิตรวมประมาณ 4.02 เมกะวัตต์ แล้ว) โดยที่เงินลงทุนที่ต้องใช้ในการเปลี่ยนแผงพลังงานแสงอาทิตย์ และอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง (รวมค่าอุปกรณ์ ค่าแรง และค่าดำเนินการ) อยู่ที่ประมาณ 6,300,000 บาทต่อเมกะวัตต์ (ข้อมูลจากการสอบถามที่ปรึกษาทางเทคนิคของกองทุนฯ ณ เดือนกันยายน 2568) ดังนั้น เงินลงทุนในสัดส่วนร้อยละ 80 ที่กองทุนฯ คาดว่าต้องใช้จ่ายในข้อนี้คำนวณได้เท่ากับ 12.84 เมกะวัตต์ x 6,300,000 บาทต่อเมกะวัตต์ x 80% เท่ากับ 64,713,600 บาท 2. เงินลงทุนในสัดส่วนร้อยละ 80 ที่ 17AYH และ HPM ขอให้กองทุนฯ รับผิดชอบในข้อ 1 และ 2 ตามที่ระบุในหน้า 6 ของหนังสือที่ 2085/2568 เท่ากับ 25,791,472.16 บาท ? 3. การคาดการณ์ค่าที่ปรึกษาทางเทคนิค เพื่อวิเคราะห์และประเมินความเสียหายของแผงพลังงานแสงอาทิตย์ และค่าที่ปรึกษากฎหมายเพื่อศึกษาความเป็นไปได้ในการฟ้องร้องกลุ่มบริษัท SHARP สำหรับกรณีที่แผงพลังงานแสงอาทิตย์ชนิด Thin Film ยี่ห้อ SHARP ในโครงการโรงไฟฟ้าโครงการใดเกิด Product Defect ขึ้นอีก 4. การคาดการณ์ค่าใช้จ่ายในการว่าจ้างผู้เชี่ยวชาญ และ/หรือ ผู้ผลิต เพื่อตรวจสอบการเปลี่ยนแผงพลังงานแสงอาทิตย์ที่เกิด Product Defect และอุปกรณ์อื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบ ______________________________________________________________________ สารสนเทศฉบับนี้จัดทำและเผยแพร่โดยบริษัทจดทะเบียนและบริษัทผู้ออกหลักทรัพย์ผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อการเผยแพร่ข้อมูลหรือเอกสารใดๆของบริษัทจดทะเบียนและบริษัทผู้ออกหลักทรัพย์ ต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเท่านั้น ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยไม่มีความรับผิดชอบใดๆ ในความถูกต้องและครบถ้วนของเนื้อหา ตัวเลข รายงานหรือข้อคิดเห็นใดๆ ที่ปรากฎในสารสนเทศฉบับนี้ และไม่มีความรับผิดในความสูญเสียหรือเสียหายใดๆ ที่อาจเกิดขึ้นไม่ว่าในกรณีใด ในกรณีที่ท่านมีข้อสงสัย หรือต้องการรายละเอียดเพิ่มเติม โปรดติดต่อบริษัทจดทะเบียนและบริษัทผู้ออกหลักทรัพย์ซึ่งได้จัดทำ และเผยแพร่สารสนเทศฉบับนี้ หากท่านต้องการดูรายละเอียดสารสนเทศฉบับนี้แบบเต็ม โปรดคลิก "รายละเอียดแบบเต็ม"