Language :
“เงินเดือนออกไม่ทันไร ก็หมดตั้งแต่เงินเข้าบัญชี
ทั้งค่าผ่อนบ้าน ค่าผ่อนรถ ค่าผ่อนบัตรเครดิต เฮ้อ...”
ประโยคคลาสสิคแทงใจมนุษย์เงินเดือนยังคงใช้ได้มาเสมอมา นั่นก็เพราะ หลายคนใช้เงินแบบชักหน้าไม่ถึงหลัง มีรายจ่ายมากกว่ารายได้ ทำให้ต้อง ใช้เงินในอนาคตมาสำรองจ่ายก่อนตลอด ยิ่งโดยเฉพาะการรูดบัตรแล้ว ผ่อนเอาของที่อยากได้มาใช้ในทันที แล้วค่อยใช้หนี้ทีหลัง คิดว่าหยวนๆ กันไป บางครั้งก็นำไปกดเงินสดใช้จ่ายล่วงหน้า จนชำระหนี้ไม่ได้ ตามกำหนด ทำให้โดนค่าปรับและดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ มีหนี้ซ้ำซ้อนเข้าไปอีก
จะดีกว่าไหม หากเรารู้ทันและรู้ทางด้วย
“4 เทคนิคพิชิตหนี้บัตรเครดิต”
เพื่อเอาชนะหนี้ของตัวเองให้ทันเวลา ดังนี้
เพื่อเป็นการตัดไฟตั้งแต่ต้นลม ไม่ให้เกิดภาระทางการเงินมากยิ่งขึ้น ที่สำคัญคือ ควรยอมรับสถานการณ์ของตัวเองว่ากำลังเป็นหนี้ และเริ่มต้นประเมินค่าใช้จ่ายทั้งหมดให้ครบถ้วนถูกต้อง
เริ่มต้นจากปรับพฤติกรรมการใช้จ่ายของตัวเอง หยุดใช้
จ่ายในเรื่องที่ไม่จำเป็น จากนั้นจัดสรรเงินรายได้ให้เหมาะสม
โดยแบ่งเป็นเงินก้อนแรกสำหรับค่าใช้จ่ายคงที่ต่างๆ เช่น
ค่าผ่อนบ้าน ผ่อนรถประกันชีวิต เงินก้อนที่สองสำหรับ
ค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน เช่น ค่าอาหาร ค่าเดินทาง เงินที่เหลือก้อนสุดท้ายนำไปใช้หนี้บัตรเครดิตโดยพยายามจ่ายให้ได้มากที่สุด และไม่ควรจ่ายเฉพาะยอดขั้นต่ำ เพราะจะทำให้เราไม่สามารถแก้ปัญหาหนี้ ในระยะยาวได้
โดยเฉพาะหนี้บัตรเครดิตที่มีค่าใช้จ่ายแพงที่สุดก่อน โดยเราต้องทราบว่าดอกเบี้ยบัตรเครดิตมีอัตราสูงสุดถึง 20% ต่อปี และยอดหนี้จะเพิ่มขึ้นได้ตามระยะเวลาที่เป็นหนี้ การที่เราไม่จ่ายชำระหนี้บัตรเครดิตให้เร็ว ก็จะทำให้เกิดภาระหนี้จากดอกเบี้ย ที่งอกเงยจนบางครั้งกลายเป็นดินพอกหางหมู จนเกิดความท้อแท้ไม่รู้ว่าจะชำระหนี้อย่างไรให้หมดได้ซักที
ตัวอย่าง : การคำนวณดอกเบี้ยบัตรเครดิต เมื่อชำระค่าสินค้าและบริการไม่เต็มจำนวน
หากเรารูดบัตรเครดิตซื้อสินค้า เมื่อวันที่ 1 เมษายน จำนวน 20,000 บาท โดยสรุปยอดรายการทุกวันที่ 10 ของเดือน และมีกำหนดชำระทุกวันที่ 30 ของเดือน ทำให้วันที่ 10 เมษายน ธนาคารสรุปยอดเป็นจำนวนเงิน 20,000 บาท เราจึงนำเงินไปชำระขั้นต่ำจำนวน 2,000 บาทในวันที่ 30 เมษายนซึ่งเป็นวันครบกำหนดชำระ
วิธีคำนวณดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียม
= (ยอดรายการใช้จ่าย x อัตราดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมต่อปี x จำนวนวันในงวด)/จำนวนวันใน 1 ปี
จะเห็นว่าถึงแม้เราจะจ่ายเงินครบตามใบสรุปยอดรายการไปแล้วเมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม แต่ก็จะยังมีดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมค้างจากวันที่ 11 พฤษภาคมถึงวันที่ 29 พฤษภาคม (วันก่อนกำหนดชำระเงิน 30 พ.ค.) ดังนั้น สถาบันการเงินจึงมีการแจ้งยอดรายการอีกครั้ง ในวันที่ 10 มิถุนายนอีกจำนวน 187.40 บาท
ดังนั้น ทางที่ดีที่สุดก็คือ ควรชำระบัตรเครดิตยอดเต็มจำนวนทุกงวด เพื่อไม่ให้ถูกคิดดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมตั้งแต่วันที่ ใช้บัตรจนถึงก่อนวันที่เราชำระเงิน แต่หากไม่มีความสามารถจริงๆ อย่างน้อยก็ควรชำระยอดขั้นต่ำ เพราะหากผิดนัด ชำระหนี้เกิน 3 เดือน นับจากวันครบกำหนดชำระ ธนาคารจะมิสิทธิยกเลิกการใช้บัตรเครดิตของเราได้ทันที และหากมีการ ทวงถามการชำระอยู่เรื่อยๆ อาจต้องติด Black list หรือถูกฟ้องร้อง จนไม่สามารถทำธุรกรรมการเงินได้อีก
หากมีปัญหาหนี้บัตรเครดิตมากเกินกว่าที่จะชำระหมดได้ ให้ลองติดต่อเข้าไป พูดคุยกับทางธนาคารเพื่อหาทางประนอมหนี้ โดยตกลงกันว่าวิธีการชำระเงิน แบบไหนที่จะทำให้เราสามารถชำระหนี้ได้ อย่าปล่อยให้เนิ่นนานเพราะธนาคาร อาจจะส่งฟ้องศาลจนเกิดผลกระทบในด้านต่างๆ ตามมา
เพราะวัยหลังเกษียณเป็นช่วงที่ไม่มีรายได้หลักอีกต่อไป มาเริ่มต้นวางแผนการเงินเพื่อสร้างความสุขให้ชีวิตหลังเกษียณตั้งแต่ตอนนี้กันดีกว่า
บทเรียนออนไลน์ e-Learning อิสระแห่งการเรียนรู้ ทุกที่ ทุกเวลา
www.set.or.th/contactcenter
02-009-9999
ความคิดเห็นของท่านเกี่ยวกับ “เว็บไซต์เงินทองต้องวางแผน”
ท่านได้รับความรู้จากเนื้อหาของ เว็บไซต์เงินทองต้องวางแผน เพิ่มขึ้น มากน้อยเพียงใด
ท่านมีความพึงพอใจต่อการใช้งาน มากน้อยเพียงใด
ท่านได้รับความรู้จากเนื้อหาของ เว็บไซต์เงินทองต้องวางแผน เพิ่มขึ้น มากน้อยเพียงใด
ท่านมีความพึงพอใจต่อการใช้งาน มากน้อยเพียงใด