ในยุคแห่งเทคโนโลยีและดิจิทัลที่ผู้คนล้วนแล้วแต่ชื่นชอบความสะดวกสบาย ทันสมัย รวดเร็วทันใจ และการใช้บัตรเครดิตถือเป็นปัจจัยสำคัญอย่างหนึ่งในการดำรงชีวิตมากขึ้น ด้วยเทรนด์การซื้อสินค้าออนไลน์สูงขึ้นและสิทธิประโยชน์ที่ได้รับจากบัตรเครดิต
เมื่อบัตรเครดิตสามารถตอบสนองวิถีการใช้ชีวิตให้เกิดความสะดวกสบาย ทำให้หลายคนขาดความระมัดระวังและขาดวินัยทางการเงินในการใช้จ่าย จนนำไปสู่ภาวะการมีหนี้สินท่วมหัว และนี่คือสัญญาณอันตรายที่กำลังเตือนว่า “กำลังมีหนี้สินท่วมหัวจากบัตรเครดิตหรือไม่”
- ผ่อนชำระตามจำนวนยอดหนี้ขั้นต่ำของบัตรเครดิต
เมื่อไหร่ก็ตามที่เริ่มจ่ายบัตรเครดิตขั้นต่ำ แสดงว่ากำลังขาดความสามารถในการชำระหนี้ได้เต็มจำนวนและเริ่มจ่ายหนี้ไม่ไหว ซึ่งรู้หรือไม่ว่าการจ่ายขั้นต่ำ แปลว่า ต้องจ่ายดอกเบี้ยกว่า 18% โดยไม่จำเป็น และกว่าจะจ่ายหนี้หมดต้องใช้เวลานานขึ้น
- มีรายจ่ายจากบัตรเครดิตเกินกว่า 40% ของรายได้แต่ละเดือน
โดยปกติแล้วควรมีหนี้บัตรเครดิตไม่เกิน 10 - 20% ของเงินเดือน และควรเป็นการใช้จ่ายเพื่อความจำเป็น เช่น อาหาร สบู่ ยาสีฟัน ผงซักฟอก เป็นต้น แต่หากจ่ายหนี้บัตรเครดิตสูงทะลุ 40% ต่อเดือน แสดงว่ากำลังขาดสภาพคล่องอย่างหนักและอาจไม่มีเงินเหลือพอไปจ่ายหนี้ที่จำเป็นในชีวิตในเรื่องอื่น เช่น กู้ซื้อบ้าน ซื้อรถยนต์ หรือเพื่อการศึกษาบุตร เป็นต้น
- มีบัตรเครดิตหลายใบและวงเงินเต็มเกือบทุกใบ
หลายคนมีบัตรเครดิตมากกว่า 2 ใบ และยิ่งมีการใช้จ่ายจนเต็มวงเงินแทบทุกใบ แสดงว่ากำลังก่อหนี้สูงกว่ารายได้ที่หาได้ เพราะบัตรแต่ละใบมักจะให้วงเงินสูงกว่า 1.5 - 5 เท่าของเงินเดือน ยิ่งบัตรกดเงินสดมักจูงใจด้วยการให้วงเงินจำนวนสูงๆ ดังนั้น ยิ่งใช้เงินผ่านการรูดบัตรจนเต็มวงเงิน ถือเป็นสัญญาณอันตรายต่อการเป็นหนี้ท่วมหัว
- ไม่รู้ยอดรายจ่ายที่แน่นอนในแต่ละเดือน
ในยุคที่แผนการตลาดและโปรโมชั่นออกมาเพื่อดึงดูดลูกค้า ทำให้หลายคนขาดความระมัดระวังในการใช้จ่าย โดยเฉพาะซื้อผ่านบัตรเครดิตเพราะคิดแค่ว่า “รูดไปก่อน ค่อยจ่ายทีหลัง” หรือ “สิ้นเดือนค่อยว่ากัน” หมายความว่ากำลังไม่รู้ภาระหนี้สินที่แน่นอนของตัวเองในแต่ละเดือน ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการวางแผนในการใช้เงินในอนาคต ยิ่งมีรายได้มาจากแหล่งเดียวแต่มีพฤติกรรมการใช้จ่ายอย่างเมามัน ย่อมนำไปสู่การเป็นหนี้โดยไม่รู้ตัว
- เงินไม่เหลือเก็บเพราะจ่ายหนี้บัตรเครดิตหมด
หากเกิดเหตุฉุกเฉินที่ไม่คาดคิด เช่น เกิดอุบัติเหตุต้องใช้เงินอย่างเร่งด่วนหรือเกิดเจ็บป่วยต้องไปโรงพยาบาล แต่มีเงินเหลือติดบัญชีไม่กี่ร้อยบาท เพราะเงินแต่ละเดือนนำไปจ่ายหนี้บัตรเครดิตจนหมด ทางออกคงต้องไปกู้ยืมเงินจากช่องทางอื่น หรือกดเงินสดจากบัตรเครดิตหรือบัตรเงินสด แย่ไปกว่านั้น คือการกู้หนี้นอกระบบ ผลที่ตามมาหนีไม่พ้นการเป็นหนี้ไม่มีที่สิ้นสุด
- กดเงินสดจากบัตรเครดิตหรือบัตรเงินสดใบใหม่ เพื่อนำไปจ่ายหนี้บัตรใบเดิม
หากเริ่มมีปัญหาเรื่องการจ่ายหนี้บัตรเครดิต หลายคนมักแก้ปัญหาด้วยการสมัครบัตรใบใหม่เพื่อจะได้วงเงินก้อนใหม่ จากนั้นก็กดเงินสดเพื่อนำไปจ่ายหนี้บัตรเครดิตหรือบัตรกดเงินสดใบเดิม อาการแบบนี้แสดงว่ากำลังเข้าข่ายการมีภาระเป็นหนี้สะสม และมีภาระดอกเบี้ยมหาศาลที่คิดคำนวณเป็นรายวัน และเกิดหนี้สินเพิ่มพูนจากดอกเบี้ยมหาโหดนี้
สิ่งเหล่านี้แม้จะเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของปัญหาเล็กๆ ที่หากไม่ใส่ใจและตระหนักถึงความสำคัญของการวางแผนทางการเงิน อาจนำไปสู่ปัญหาชีวิตที่แก้ไขได้ยากและเป็นสาเหตุหลักอันดับต้นๆ ของปัญหาสังคมไทยปัจจุบัน
Thomas Fuller กล่าวว่า “Debt is the worst poverty” น่าจะเข้ากับสุภาษิตอันคลาสสิคของไทยที่ว่า “การไม่มีหนี้ เป็นลาภอันประเสริฐ” ซึ่งยังคงใช้ได้ดีกับมนุษย์เงินเดือน
สุธาสินี สุวรรณภักดิ์
คณะบริหารธุรกิจและการบัญชี
มหาวิทยาลัยขอนแก่น
ความคิดเห็นของท่านเกี่ยวกับ “เว็บไซต์เงินทองต้องวางแผน”
ท่านได้รับความรู้จากเนื้อหาของ เว็บไซต์เงินทองต้องวางแผน เพิ่มขึ้น มากน้อยเพียงใด
ท่านมีความพึงพอใจต่อการใช้งาน มากน้อยเพียงใด
ท่านได้รับความรู้จากเนื้อหาของ เว็บไซต์เงินทองต้องวางแผน เพิ่มขึ้น มากน้อยเพียงใด
ท่านมีความพึงพอใจต่อการใช้งาน มากน้อยเพียงใด