คำถามยอดฮิตของมิตรรักการเงินที่มักได้ยินบ่อยๆ ก็คือ…
ซื้อกองทุนหุ้น... ปันผล หรือ ไม่ปันผล ดีกว่ากัน?
ความเป็นจริงก็คือ “ไม่มีคำตอบเฉพาะ” สำหรับคำถามนี้ แต่หากจะตอบแบบกำปั้นทุบดิน ก็มีเพียงแค่ประโยคเดียวคือ “ขึ้นอยู่กับเป้าหมายการลงทุน”
- เพื่อ “กระแสเงินสด” ระหว่างทาง ตลอดการลงทุน = กองทุนหุ้น “ปันผล”
- เพื่อ “เงินก้อนโต” ในปลายทางของการลงทุน = กองทุนหุ้น “ไม่ปันผล”
แม้หลายคนจะร้องอ๋อ... แต่ก็เชื่อว่าประโยคนี้คงไม่เพียงพอที่จะไขความเข้าใจให้กระจ่างได้...
ดังนั้น วันนี้ลองมาพิจารณาข้อเด่น ข้อด้อย ของกองทุนรวมทั้งสองประเภท เพื่อที่สุดท้ายแล้ว มิตรรักการเงินทุกคนจะได้นำข้อมูลเหล่านี้ ไปใช้ประกอบการพิจารณาลงทุนตามอัธยาศัย
“กองทุนหุ้นปันผล” “ข้อเด่น” สำคัญคือ
1. “เงินปันผล” นั่นเอง...แต่จะมากน้อยก็ขึ้นอยู่กับผลการดำเนินงานของกองทุน
ที่น่าสนใจคือคนจำนวนไม่น้อยเข้าใจผิด... คิดว่า “เงินปันผล” ที่กองทุนรวมจ่ายให้กับนักลงทุนมาจากการปันผลของหุ้นที่อยู่กองทุนรวมนั้นเพียงอย่างเดียว
แต่ความจริงก็คือ “เงินปันผล” นั้นอาจมาจากการแบ่งกำไร (Capital Gain) จากผลการดำเนินงานของกองทุนก็เป็นได้ ซึ่งเมื่อกองทุนรวมนั้นจ่าย “เงินปันผล” ออกมา ย่อมส่งผลให้มูลค่าของกองทุนรวมลดลง (เท่ากับเงินปันผลที่จ่ายออกมาด้วยเช่นกัน)
2. เพื่อความ “สบายใจ” เพราะนักลงทุนจำนวนไม่น้อย รับไม่ได้กับความผันผวนของกองทุนรวมหุ้นในพอร์ต
แม้หลายคนจะบอกว่ารับความเสี่ยงได้สูง แต่พอถึงเวลาจริงๆ กลับความดันขึ้นสูงเพราะความเครียดแทน Y_Y ดังนั้น ถ้าอยาก “สบายใจ” ว่าระหว่างทางเราได้รับอะไรตอบแทนมาบ้าง “กองทุนหุ้นปันผล” ย่อมตอบโจทย์มากกว่ากองทุนหุ้นแบบไม่ปันผลแน่นอน
“ข้อด้อย” ที่น่าสนใจของ “กองทุนหุ้นปันผล” คือ
1. “เสียภาษีเงินปันผลหัก ณ ที่จ่าย 10%”
ทำให้ “เงินปันผล” ที่เราอาจได้รับจากหุ้นที่อยู่ในกองทุนรวมนั้นปันผลออกมา (หรือกำไรจากผลการดำเนินงานที่หักมาจ่ายเป็น “เงินปันผล” ให้กับนักลงทุน) กลับได้ไม่เต็ม 100% (ได้เพียง 90% หากเทียบกับกองทุนหุ้นไม่ปันผล ที่จะได้รับเป็นเงินก้อนจากการขายหน่วยลงทุนทีเดียวโดยไม่เสียภาษีสักบาท)
2. อย่าหวัง “เงินก้อนโต”
กลับไปที่จุดตั้งต้นคือ “เป้าหมายการลงทุน” สำหรับใครที่หวัง “เงินก้อนโต” คงไม่เหมาะกับนักกับกองทุนหุ้นปันผล เพราะการจ่ายเงินปันผลออกมาสม่ำเสมอ ก็เท่ากับเป็นการลดทอนมูลค่าของกองทุนให้ลดลง
ดังนั้น... เป็นไปไม่ได้เลยที่จะได้รับ “เงินก้อนโต” ในวันที่ขายกองทุนหุ้นปันผล (ก็แหม่...เราก็ปันเงินนั้นออกมาจับจ่ายใช้สอยอยู่เรื่อยๆ แล้วนิหน่า)
“กองทุนหุ้นไม่ปันผล” “ข้อเด่น” คือ
1. เหมาะกับเป้าหมาย “ระยะยาว”
โดยเฉพาะใครที่ใช้กองทุนรวมเพื่อวางแผนเกษียณ โปรดท่องให้ขึ้นใจเลยว่า “กองทุนหุ้นไม่ปันผล” เหมาะสมกว่าแบบปันผลเป็นไหนๆ (น่าจะเป็นหนึ่งเหตุผลที่ทำให้กองทุน RMF ไม่มีนโยบายจ่ายปันผล) เพราะแม้จะมีเงินปันผลจากหุ้นที่อยู่ในกองทุนออกมาระหว่างทาง แต่เมื่อกองทุนไม่ปันผล ก็ย่อมนำเงินก้อนนั้นมาทบเข้าไปในกองทุน และทำให้มูลค่าของกองทุนเพิ่มขึ้น (ไม่ได้ปันเงินมาใช้ระหว่างทาง ก็ทบต้นทบดอกให้งอกเงย เติบโตเป็นก้อนใหญ่ปลายทางซะเลย)
2. “ไม่หักภาษี”
เมื่อไม่มีการจ่ายปันผล... ก็ไม่ต้องโดนหักภาษีระหว่างทาง (10%) สุดท้ายก็ไม่มีภาระภาษีใดๆ เลยสักนิด!
“ข้อด้อย” ที่ไม่ควรมองข้ามของ “กองทุนหุ้นไม่ปันผล” คือ
1. มีแต่ “น้ำบ่อหน้า”
“กองทุนหุ้นไม่ปันผล” ตรงกับหลักสุภาษิตไทยที่ว่า “อดเปรี้ยวไว้กินหวาน” อย่างแท้จริง เพราะหากนักลงทุนอดทนรอดอกผลที่ “ทบต้นทบดอก” ไปเรื่อยๆ ได้นานเท่าไหร่ ก็ย่อมหมายถึงอนาคตที่สดใสเพิ่มขึ้นเท่านั้น
แต่ก็อย่างว่า...ถ้าทนรอไม่ไหว รู้สึกว่าต้องใช้เวลานานแสนนาน โดยที่ระหว่างทางก็ไม่ได้เสพสุขจากผลตอบแทนที่เกิดขึ้นเลยสักนิด...“กองทุนหุ้นไม่ปันผล” ก็อาจจะไม่เหมาะสมสักเท่าไหร่ เพราะไม่มีแม้แต่กำลังใจ (เงินปันผล) มาเป็นยาชูกำลัง ให้ยังสู้ต่อไปเพื่อวันข้างหน้า...
2. ถ้า “หุ้นตก” ก็ได้แค่ “ตกใจ”
สินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงมากที่สุดก็คือ “หุ้น” ถ้านักลงทุนสามารถรับความผันผวนได้ก็คงไม่มีปัญหา แต่ถ้าใจไม่แข็งแรงพอแล้วล่ะก็ “กองทุนหุ้นไม่ปันผล” อาจทำให้ความเครียดถามหา
เพราะเมื่อหุ้นร่วง เศรษฐกิจเจอวิกฤติ กองทุนเหล่านี้ย่อมได้รับผลกระทบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และผู้ลงทุนเองก็ยังไม่ได้รับผลประโยชน์ (เงินปันผล) จากการเจียดเงินมาลงทุนระหว่างทางอีกต่างหาก ได้แต่ “ตกใจ” และ “ทำใจ” เท่านั้น
นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของจุดเด่น จุดด้อย ที่ควรรู้ไว้ก่อนตัดสินใจลงทุนในกองทุนรวมประเภทไหน แต่... สุดท้าย... อย่าลืมโฟกัสที่ “เป้าหมาย”
ถ้าต้องการ “กระแสเงินสด” ระหว่างทาง ตลอดการลงทุน = กองทุนหุ้น “ปันผล”
ถ้าต้องการ “เงินก้อนโต” ในปลายทางของการลงทุน = กองทุนหุ้น “ไม่ปันผล”
ศิรัถยา อิศรภักดี (เฟิร์น)
นักจัดรายการ นักเขียน นักพูด
ด้านเศรษฐกิจ ธุรกิจ และ ตลาดทุน
ความคิดเห็นของท่านเกี่ยวกับเว็บไซต์ “ห้องเรียนนักลงทุน”
ท่านได้รับความรู้จากเนื้อหาของ เว็บไซต์ห้องเรียนนักลงทุน เพิ่มขึ้น มากน้อยเพียงใด
ท่านมีความพึงพอใจต่อการใช้งาน มากน้อยเพียงใด
ท่านได้รับความรู้จากเนื้อหาของ เว็บไซต์ห้องเรียนนักลงทุน เพิ่มขึ้น มากน้อยเพียงใด
ท่านมีความพึงพอใจต่อการใช้งาน มากน้อยเพียงใด